แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้เงินตามเช็ค จำเลยมีสัญญาหย่ากับจำเลยร่วมว่า จำเลยร่วมผู้สามียอมรับผิดในหนี้สินที่เกิดขึ้นระหว่างเป็นสามีภริยากันทั้งสิ้น สิทธิระหว่างจำเลยกับจำเลยร่วมนี้ไม่เกี่ยวกับโจทก์ เป็นสิทธิตามสัญญาหย่ามิใช่เป็นการใช้สิทธิไล่เบี้ยตามกฎหมาย ดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(3) บัญญัติไว้ จำเลยไม่มีสิทธิขอให้ศาลหมายเรียก จำเลยร่วมเข้ามาในคดี
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นเรียกสามีจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยร่วม และพิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามเช็ค 72,150 บาท กับดอกเบี้ยแก่โจทก์ ยกคำร้องที่ขอให้เรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดี แต่ไม่ตัดสิทธิที่จะฟ้องใหม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยอาจฟ้องไล่เบี้ยให้จำเลยร่วมรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาทและศาลได้เรียกจำเลยร่วมให้เข้ามาในคดีแล้ว การที่ศาลล่างทั้งสองไม่ชี้ขาดตัดสินคดีในประเด็นที่ว่าจำเลยร่วมต้องรับผิดใช้เงินแก่จำเลยตามสัญญาหย่าหรือไม่ เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็ค แม้จำเลยกับจำเลยร่วมจะทำสัญญาหย่าไว้ต่อกันโดยระบุหนี้สินซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างเป็นสามีภรรยาจำเลยร่วมจะเป็นผู้รับผิดทั้งสิ้น สัญญาหย่าดังกล่าวก็เป็นความเกี่ยวพันระหว่างจำเลยกับจำเลยร่วมโดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับโจทก์ และเป็นสิทธิตามสัญญาหย่ามิใช่เป็นการใช้สิทธิไล่เบี้ยตามกฎหมาย ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) จำเลยไม่มีสิทธิขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดี ชอบที่จะฟ้องร้องเป็นคดีใหม่”
พิพากษายืน