คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1582/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 บัญญัติห้ามการนำสืบเฉพาะกรณีการใช้เงิน ไม่ห้ามการนำสืบกรณีใช้ทรัพย์สินอย่างอื่นชำระหนี้แทนเงิน มาตรา 321 จึงบัญญัติว่าถ้าเจ้าหนี้ยอมชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้ ท่านว่าหนี้นั้นเป็นอันระงับสิ้นไป และมาตรา 656 วรรคสองก็บัญญัติถึงการที่ผู้ให้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืมไว้ด้วย จำเลยจึงนำสืบว่าได้เอาที่ดินตีใช้หนี้เงินที่กู้โจทก์ไปแล้วได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทก์ไป 30,000 บาท ไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยและวันใช้เงินคืน จำเลยไม่เคยใช้ต้นเงินหรือดอกเบี้ยให้โจทก์เลยโจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า จำเลยขอกู้เงินโจทก์ 15,000 บาทโดยต้องชำระเงินคืนภายใน2 ปี และคิดดอกเบี้ยรวมกับต้นเงินไว้แล้ว ให้จำเลยเขียนสัญญากู้เป็นกู้เงิน 30,000 บาททั้งต้องทำสัญญาขายฝากที่ดินของจำเลยให้โจทก์ด้วย จำเลยจึงเขียนสัญญากู้ไปตามนั้นและรับเงินไปจากโจทก์เพียง 15,000 บาท ต่อมาโจทก์ไม่ไปทำสัญญาขายฝากแต่ให้จำเลยไปทำสัญญาขายฝากกับนางสาวธาริณีบุตรสาวโจทก์ คิดดอกเบี้ยร้อยละสามต่อเดือน จากต้นเงิน 15,000 บาท กำหนดไถ่ภายใน 2 ปี เป็นดอกเบี้ย10,800 บาท รวมราคาขายฝาก 25,800 บาท ต่อมาครบกำหนดไถ่ถอนจำเลยนำเงินไปขอไถ่แต่นางสาวธาริณีหลบตัวไม่ยอมไปอำเภอ ประสงค์ให้ที่ดินตกเป็นสิทธิของตนหรือของโจทก์ แต่ที่สุดก็ยอมคืนที่ดินให้จำเลยบางส่วน อีกส่วนหนึ่งตีใช้หนี้เงินที่จำเลยกู้ยืมโจทก์รวมทั้งดอกเบี้ยด้วยเสร็จสิ้นกันไปแล้ว

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่าจำเลยกู้เงินโจทก์โดยได้นำที่ดินขายฝากเป็นประกันเงินกู้ไว้กับนางสาวธาริณีบุตรโจทก์แทนโจทก์ และจำเลยได้ขายที่ดินตีใช้หนี้เงินกู้ให้โจทก์เสร็จสิ้นแล้วจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์อีก พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า จำเลยนำสืบว่าได้ใช้หนี้เงินกู้แล้วโดยเอาที่ดินตีใช้หนี้จึงขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง ที่ว่าการกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือจะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้วหรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้วเท่านั้น

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสองบัญญัติห้ามการนำสืบเฉพาะกรณีการใช้เงิน ไม่ห้ามการนำสืบกรณีใช้ทรัพย์สินอย่างอื่นชำระหนี้แทนเงิน มาตรา 321 จึงบัญญัติว่า ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับการชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้ ท่านว่าหนี้นั้นเป็นอันระงับสิ้นไป และมาตรา 656 วรรคสอง ก็บัญญัติถึงการที่ผู้ให้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืมไว้ด้วย จำเลยจึงนำสืบว่าได้เอาที่ดินตีใช้หนี้เงินที่กู้โจทก์ไปแล้วได้

พิพากษายืน

Share