คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2323/2514

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้กู้ทำหนังสือมอบอำนาจให้บุคคลอื่นรับเงินที่กู้จากผู้ให้กู้ถือว่าผู้รับมอบอำนาจเป็นตัวแทนของผู้กู้ ผู้กู้ต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำของตัวแทนของตนซึ่งกระทำไปภายในขอบอำนาจการที่ตัวแทนของผู้กู้ได้รับเงินจากผู้ให้กู้แล้ว แต่มิได้นำไปให้ผู้กู้หาทำให้สัญญากู้ไม่สมบูรณ์ไม่ ผู้ให้กู้ย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกเงินกู้จากผู้กู้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จดทะเบียนและได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 19กุมภาพันธ์ 2501 ให้เป็นสหกรณ์ประเภทออมทรัพย์และเครดิตสำหรับคนมีเงินเดือน มีความมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมฐานะทางเศรษฐกิจของสมาชิก จำเลยเป็นสมาชิกเลขทะเบียนที่ 3976 ได้ยื่นคำขอกู้เงินสามัญ3,500 บาท ต่อโจทก์ตามสำเนาคำขอกู้ลงวันที่ 8 มกราคม 2511 ท้ายฟ้องโจทก์อนุญาตให้จำเลยกู้ จำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้นายสนั่น มูลสารศึกษาธิการอำเภอราษีไศลรับเงิน 3,500 บาท ไปจากโจทก์เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2511 ตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้อง จำเลยสัญญาว่าจะส่งใช้เงินคืนให้โจทก์รวม 20 งวด โดยยอมเสียดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือนตั้งแต่ได้เงินไปแล้ว จำเลยไม่เคยส่งใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย โจทก์เตือนแล้วก็เพิกเฉย จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้เงินแก่โจทก์ 3,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ กับให้จำเลยเสียค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายแทนโจทก์ด้วย

จำเลยให้การว่า ไม่ได้กู้เงินโจทก์ ไม่ได้ทำสัญญากู้ให้โจทก์และไม่ได้รับเงินกู้จากโจทก์ การกู้ยืมไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 โจทก์ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ โจทก์บังคับให้สมาชิกที่ขอกู้เงินไม่ให้มารับเงินเอง เพราะเสียเวลาราชการแต่ให้ลงชื่อไว้ในแบบพิมพ์มอบให้บุคคลอื่นรับเงินแล้วนำไปจ่ายให้ผู้กู้ ผู้รับเงินแทนเป็นผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์โดยทำหนังสือไว้ว่า จะนำเงินไปจ่ายให้ผู้กู้ และต้องให้ผู้กู้ ผู้ค้ำประกันทำสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันแล้วนำมาส่งให้โจทก์จึงจะถือว่ามีการกู้ยืมกันสมบูรณ์ นายสนั่น มูลสาร ศึกษาธิการอำเภอราษีไศลเป็นกรรมการดำเนินงานของโจทก์ นายสนั่น จะรับเงินไปแล้วหรือไม่ จำเลยไม่ทราบ หากรับไปแล้วก็ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ ไม่ใช่จำเลย จำเลยถูกบังคับให้ลงชื่อในแบบพิมพ์ต่าง ๆ ตามความต้องการของโจทก์ ไม่ใช่โดยสมัครใจ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะพระราชบัญญัติสหกรณ์ปี 2471 และข้อบังคับต่าง ๆ ถูกยกเลิกเสียแล้ว ขอให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์เสียค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนจำเลย

ในวันชี้สองสถาน คู่ความแถลงรับกันว่า จำเลยได้มีคำขอกู้เงินจากโจทก์ตามสำเนาท้ายฟ้องจริง จำเลยมอบอำนาจให้นายสนั่น มูลสารรับเงินแทน นายสนั่นรับเงินจากโจทก์แล้ว ตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจของจำเลยและสำเนาคำรับรองของนายสนั่นท้ายฟ้อง แต่จำเลยไม่ได้รับเงินจากนายสนั่น

ศาลจังหวัดศรีสะเกษเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ให้งดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมและโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยจำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้ขอกู้เงินจากโจทก์และมอบอำนาจให้นายสนั่นรับเงินแทน ถือได้ว่าการกู้ยืมมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้ เมื่อโจทก์ตกลงให้กู้และจ่ายเงินให้นายสนั่นตัวแทนของจำเลยรับเงินไปแล้ว สัญญากู้ย่อมมีผลสมบูรณ์ พิพากษาให้จำเลยใช้เงินให้โจทก์ 3,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ100 บาท แทนโจทก์

จำเลยอุทธรณ์ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม คำขอกู้เงินของจำเลยไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืม นายสนั่น มูลสารไม่ได้มอบเงินให้จำเลย ไม่ได้ให้จำเลยและผู้ค้ำประกันทำสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันการกู้ยืมจึงยังมิได้ปฏิบัติครบถ้วนสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650 โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ฟ้องโจทก์ชัดเจนพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้และคำขอกู้เงินของจำเลยถือได้ว่ามีหลักฐานอันเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืม ตามมาตรา 653 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่การกู้เงินรายนี้ยังมิได้เป็นไปตามเงื่อนไขหรือคำรับรองที่ตกลงกัน การกู้เงินจึงไม่สมบูรณ์ จำเลยไม่ต้องรับผิด โจทก์นำคดีมาฟ้องโดยรู้อยู่แล้วว่าจำเลยไม่ได้รับเงินกู้จากนายสนั่น มูลสารตัวแทนของโจทก์ เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องคดีให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความสองศาลแก่จำเลย 175 บาท

โจทก์ฎีกาว่า จำเลยหรือนายสนั่น มูลสารตัวแทนจำเลยได้รับเงินยืม 3,500 บาทไปจากโจทก์แล้ว การกู้เงินจึงสมบูรณ์ตามกฎหมายแม้จำเลยยังไม่ได้รับเงินจากนายสนั่น จำเลยก็ฟ้องเรียกเงินคืนจากนายสนั่นได้ และปรากฏว่าจำเลยฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้คืนจากนายสนั่นจำเลยชนะคดีถึงที่สุดแล้วตามคดีแดงที่ 170/2512 ของศาลจังหวัดศรีสะเกษ จำเลยจึงชอบที่จะต้องรับผิดชดใช้เงินยืมให้โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีแล้ว คดีมีประเด็นขึ้นมาสู่ศาลฎีกาว่า การกู้เงินรายนี้สมบูรณ์หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า นายสนั่น มูลสารจะได้นำเงินกู้ 3,500 บาทไปมอบให้จำเลยหรือไม่ ไม่ใช่ข้อสำคัญ เมื่อจำเลยมอบให้นายสนั่น มูลสารรับเงินแทนจำเลยตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจรับเงินกู้ลงวันที่ 8 มกราคม 2511 ท้ายฟ้องนายสนั่นย่อมเป็นตัวแทนของจำเลย การที่นายสนั่นรับเงินกู้ไปจากโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นตัวการย่อมต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำของตัวแทนของตนซึ่งกระทำไปภายในขอบอำนาจ ตามข้อความในสำเนาคำรับรองของนายสนั่นที่รับรองว่าจะนำเงินกู้ไปจ่ายให้ผู้กู้ก็ดี และที่จะจัดให้ผู้กู้ผู้ค้ำประกันลงชื่อในสัญญากู้สัญญาค้ำประกันก็ดี ก็มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์มอบอำนาจให้นายสนั่นไปจัดการ นายสนั่นจึงไม่ใช่เป็นตัวแทนของโจทก์ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย การกู้เงินระหว่างโจทก์จำเลยเป็นอันสมบูรณ์ ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องชดใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้องที่จำเลยไม่ได้รับเงินกู้จำนวน 3,500 บาทจากนายสนั่นตัวแทนของจำเลย จำเลยชอบที่จะเรียกร้องเอาจากนายสนั่นได้ หาทำให้สัญญากู้ระหว่างโจทก์จำเลยไม่สมบูรณ์ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยได้

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาแทนโจทก์ด้วยโดยกำหนดค่าทนายความ 2 ศาลให้เป็นเงิน 175 บาท

Share