แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์นั้น ในวันนัดสืบพยานจำเลยทนายโจทก์มาศาล แต่ตัวโจทก์ไม่มาจะถือว่าโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัด และพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 ประกอบด้วยมาตรา 181 หาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 148, 158, 200
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งว่าคดีมีมูลตามฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
เมื่อศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว และถึงวันนัดสืบพยานจำเลยทนายโจทก์มาศาล แต่ตัวโจทก์ไม่มา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานจำเลย และวินิจฉัยว่า เมื่อตัวโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลย แม้จะมีทนายโจทก์มาศาล ก็ต้องถือว่าโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166ประกอบด้วยมาตรา 181 พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า กฎหมายไม่ได้บังคับให้โจทก์ต้องมาศาลเสมอไปทนายโจทก์มาแทนตัวโจทก์ได้ และมาศาลตามกำหนดแล้วไม่ถือว่าโจทก์ขาดนัด พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ได้ความว่าโจทก์สืบพยานฝ่ายตนเสร็จสิ้นแล้วครั้นถึงวันนัดสืบพยานจำเลย ทนายโจทก์มาศาล แต่ตัวโจทก์ไม่มา จะถือว่าโจทก์ขาดนัดไม่ได้เทียบตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1382/2492 ระหว่างพนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์นายพันธ์ รังสิพราหมณ์กุล จำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน