แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เงินค่าทดแทนที่โจทก์ได้จ่ายให้แก่พนักงานของโจทก์ไปตามประกาศ ของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 และประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินค่าทดแทน ฉบับลงวันที่ 20ธันวาคม 2501 เนื่องจากพนักงานของโจทก์ได้รับบาดเจ็บในขณะปฏิบัติงานให้แก่โจทก์โดยถูกรถของจำเลยชนเอานั้น โจทก์จะมาฟ้องเรียกเอาจากจำเลยไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่ได้เป็นผู้ถูกละเมิดทั้งตามประกาศคณะปฏิวัติและประกาศกระทรวงมหาดไทย ดังกล่าวก็ไม่ได้ให้สิทธิโจทก์ที่จะฟ้องเรียกเงินดังกล่าวเอาจากจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างและได้ขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ โดยประมาท ไปชนรถจักรยานยนต์ซึ่งนายจรูญ รอดกำแหงพนักงานของโจทก์ขับมา ทำให้นายจรูญได้รับบาดเจ็บสาหัส จำเลยที่ ๑ถูกศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษาจำคุกไปแล้ว นายจรูญได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ขณะปฏิบัติงานให้แก่โจทก์ พนักงานเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งให้โจทก์จ่ายค่าทดแทนให้แก่นายจรูญเป็นอีกส่วนหนึ่งจากค่ารักษาเป็นเงิน ๒,๗๑๓.๓๓ บาท โดยอาศัยประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๙และ ข้อ ๑๔ แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินค่าทดแทน ฉบับลงวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๐๑ โจทก์ได้จ่ายให้นายจรูญไปแล้ว ทั้งนี้ เนื่องจากผลของการทำละเมิดของจำเลยที่ ๑ จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๒,๗๑๓.๓๓ บาทให้โจทก์
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์กับจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกัน และนายจรูญได้รับเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความไปจากจำเลยที่ ๒ แล้ว
ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่มีบทกฎหมายใดให้อำนาจโจทก์มาฟ้องเรียกเงินที่โจทก์จ่ายให้นายจรูญพนักงานของโจทก์จากจำเลยได้ นายจรูญรับเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความไปจากจำเลยที่ ๒ แล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาในข้อกฎหมายว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกเงินที่โจทก์จ่ายให้นายจรูญพนักงานของโจทก์จากจำเลยได้
ข้อเท็จจริงได้ความว่านายจรูญ รอดกำแหง เป็นพนักงานของการไฟฟ้านครหลวงโจทก์ ขับรถจักรยานยนต์ไปชนกับรถยนต์รับส่งผู้โดยสารของจำเลยที่ ๒ ซึ่งมีจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ขับ นายจรูญ รอดกำแหง ได้รับบาดเจ็บสาหัสจำเลยที่ ๑ ได้ถูกศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษาว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๐ ให้จำคุก ๓ เดือน ฐานทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสโดยประมาทตามคดีหมายเลขแดงที่ ๗๔๒๖/๒๕๑๑ของศาลแขวงพระนครเหนือ นายจรูญ รอดกำแหง ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ ๒ โดยได้รับเงินค่าเสียหายไปแล้ว และโจทก์ได้จ่ายเงินทดแทนให้แก่นายจรูญ รอดกำแหง เป็นอีกส่วนหนึ่งจากค่ารักษาเป็นเงิน ๒,๗๑๓.๓๓ บาท ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๙ และประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินค่าทดแทนตลอดจนจำนวนเงินค่าทดแทนฉบับลงวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๐๑ แล้ว
ปัญหาจึงมีว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกเงินค่าทดแทนที่โจทก์จ่ายให้นายจรูญ รอดกำแหง พนักงานของโจทก์ไปดังกล่าวจากจำเลยได้หรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีเป็นเรื่องละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๐ ผู้ที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนคือนายจรูญรอดกำแหง ที่ถูกจำเลยที่ ๑ ขับรถชน ซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำละเมิดของจำเลยที่ ๑ โจทก์เป็นบุคคลภายนอกไม่ได้เป็นผู้ถูกละเมิด โจทก์จึงไม่ได้เป็นผู้ถูกโต้แย้งสิทธิที่จะเสนอคดีต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๕ และการที่โจทก์จ่ายเงินให้นายจรูญรอดกำแหงไปตามคำสั่งคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๙ และประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวก็ไม่ได้ให้สิทธิโจทก์ที่จะฟ้องเรียกเอาจากจำเลยได้ ฉะนั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินดังกล่าวจากจำเลยได้
พิพากษายืน