คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2453/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลย 14,872 บาท โดยคำนวณค่าปรับจากราคาของกลาง29 รายการ และให้ริบของกลาง 29 รายการนี้ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เป็นให้ริบของกลางอีกรายการหนึ่งด้วย และแก้ จำนวนค่าปรับโดยคำนวณจากราคาของกลางรายการนี้ ให้ปรับเพิ่มขึ้นอีก 24,000 บาทดังนี้ ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย คู่ความต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2516)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๑๒ เวลากลางวัน อันอยู่ในระหว่างทางราชการประกาศปิดพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชางดปฏิบัติพิธีการทางศุลกากร จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันใช้เรือฉลอมติดเครื่องยนต์มีระวางบรรทุกไม่เกิน ๒๕๐ ตัน ขนเอาของ ๓๐ รายการซึ่งไม่ต้องเสียค่าภาษีศุลกากรขาออก รวมราคาของทั้งสิ้น ๑๕,๔๓๖ บาท ออกไปนอกราชอาณาจักรไทยทางเขตแดนทางทะเล เข้าไปในประเทศกัมพูชานอกเวลานอกทางอนุมัติมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง โดยจำเลยมีเจตนาหลีกเลี่ยงข้อห้ามและโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ มาตรา ๒๗, ๓๒ พระราชบัญญัติศุลกากร(ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๓ พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. ๒๔๘๙ มาตรา ๖, ๗, ๘ กฎกระทรวงการคลัง (ฉบับที่ ๑๖)ออกตามความในพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๔๘๐ เรื่องกำหนดเขตท่าศุลกากร ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ให้ริบเรือและสิ่งของของกลาง กับจ่ายสินบนและเงินรางวัลแก่ผู้นำจับและเจ้าพนักงานผู้จับและนับโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ต่อจากโทษในคดีของศาลชั้นต้นหมายเลขดำที่ ๒๐๑/๒๕๑๒ และ ๒๐๒/๒๕๑๒ ตามลำดับ
จำเลยให้การปฏิเสธ แล้วขอถอนคำให้การเดิม กลับให้การใหม่รับสารภาพตามฟ้อง เว้นแต่อวนทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องอันดับที่ ๒๙มิใช่เป็นสินค้า แต่เป็นเครื่องมือประมงที่จำเลยที่ ๑ เช่ามา และเจ้าของมิได้รู้เห็นในการกระทำผิดด้วย และรับในข้อเป็นจำเลยในคดีที่โจทก์กล่าวในฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า เรือของจำเลยทั้งสี่ได้แล่นเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชา ในระหว่างเวลาที่ทางราชการได้ประกาศปิดพรมแดนงดปฏิบัติพิธีการทางศุลกากร และถูกจับได้พร้อมด้วยของกลาง ๓๐ รายการแต่เห็นว่าจำเลยไม่ได้มีเจตนานำอวนของกลางตามบัญชีทรัพย์อันดับที่ ๒๙ออกไปจำหน่ายนอกประเทศ พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างมาในฟ้อง ปรับจำเลยรวมกันเป็นเงินสี่เท่าของราคาของกลางนอกจากอวน (ตามบัญชีทรัพย์อันดับที่ ๒๙) เป็นเงิน ๒๙,๗๔๔ บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงปรับ ๑๔,๘๗๒ บาทเรือและสิ่งของของกลางนอกจากอวนตามบัญชีทรัพย์อันดับที่ ๒๙ ให้ริบจ่ายสินบนและรางวัลแก่ผู้นำจับกับเจ้าพนักงานผู้จับจากค่าปรับ นับโทษจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ต่อจากโทษในคดีที่โจทก์ขอ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบอวนตามบัญชีทรัพย์อันดับที่ ๒๙ ด้วย และขอให้จ่ายสินบนและรางวัลจากเงินที่ได้จากการขายของกลาง
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าอวนของกลางจำเลยตั้งใจจะนำไปขายเช่นเดียวกับสินค้าอื่นจึงต้องริบ ค่าปรับจึงต้องเพิ่มขึ้น และเงินสินบนและเงินรางวัลต้องจ่ายจากเงินที่ขายของกลางได้ก่อน พิพากษาแก้ให้ริบอวนของกลางตามบัญชีทรัพย์อันดับที่ ๒๙ ให้จำเลยร่วมกันเสียค่าปรับเพิ่มอีก ๓๒,๐๐๐ บาทลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงปรับจำเลยรวมกันเพิ่มอีก ๒๔,๐๐๐ บาท ฯลฯ
จำเลยทั้งสี่ฎีกาว่า จำเลยมีเจตนานำอวนของกลางตามบัญชีทรัพย์อันดับที่ ๒๙ ไปทำการประมง มิได้นำไปเป็นสินค้าออกไปจำหน่าย จึงริบไม่ได้เพราะเป็นสินค้าที่ไม่ต้องเสียภาษี
ศาลฎีกาวินิจฉัยในปัญหาว่า ฎีกาของจำเลยจะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือไม่ว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙มาตรา ๒๗, ๓๒ พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๓กฎกระทรวงการคลัง (ฉบับที่ ๑๖) ออกตามความในพระราชบัญญัติศุลกากร(ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๔๘๐ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ปรับจำเลยร่วมกันเป็นเงินสี่เท่าของราคาของกลาง นอกจากอวนของกลางตามบัญชีทรัพย์อันดับที่ ๒๙ เป็นเงิน ๒๙,๗๔๔ บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงปรับเป็นเงิน ๑๔,๘๗๒ บาทของกลางทั้งหมดนอกจากอวนตามบัญชีทรัพย์ อันดับที่ ๒๙ ให้ริบศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็น ให้ริบอวนของกลางตามบัญชีทรัพย์ อันดับที่ ๒๙ เสียด้วย และให้ปรับจำเลยเพิ่มขึ้นอีก๓๒,๐๐๐ บาท ลดโทษให้หนึ่งในสาม (ที่ถูกน่าจะเป็น ๑ ใน ๔) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้วคงปรับรวมกันเพิ่มอีก ๒๔,๐๐๐ บาทดังนี้ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า กรณีเช่นนี้ถือได้ว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเล็กน้อย คดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๒๑๘
และศาลฎีกาเห็นว่า ข้อฎีกาที่ว่าจำเลยมีเจตนานำอวนของกลางตามบัญชีทรัพย์อันดับที่ ๒๙ ไปทำการประมงหรือนำไปเป็นสินค้าออกไปจำหน่าย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนข้อฎีกาที่ว่า ศาลสั่งริบอวนของกลางไม่ได้ นั้น แม้หากจะฟังว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ก็เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง รับวินิจฉัยให้ไม่ได้
ให้ยกฎีกาของจำเลยทั้งสี่

Share