คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2686/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินของโจทก์ซึ่งผู้ซื้อคนก่อนและโจทก์ไม่เคยเข้าอยู่หรือเกี่ยวข้องทำประโยชน์และไม่เคยใช้ทางพิพาทเดินผ่าน เข้าออกที่ดินดังกล่าว ดังนี้ โจทก์จะอ้างว่าทางพิพาทตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์โดยอายุความหาได้ไม่ เพราะการจะได้ภารจำยอมโดยเหตุดังกล่าวจะต้องเป็นการใช้สิทธิ์โดยปรปักษ์เดินผ่านทางพิพาทเข้าออกที่ดิน ของโจทก์ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปีแล้ว และเหตุเพียงแต่ว่าที่ดินของโจทก์ได้แบ่งแยกจากทางพิพาทมาเกินกว่า 10 ปี ก็หาใช่เป็นการใช้สิทธิ์โดยปรปักษ์อันจะทำให้เกิดภาระจำยอมโดยอายุความไม่
ที่ดินโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมโดยรอบ โจทก์มีความจำเป็นจะต้องมีทางออกสู่ทางสาธารณะ แต่ที่ดินของโจทก์นี้แบ่งแยกออกมาจากที่ดินซึ่งอยู่ติดกับทางสาธารณะ จึงเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 ที่ให้โจทก์มีสิทธิ์เรียกร้องเอาทางเดินจากที่ดินแปลงที่ได้แบ่งแยกได้ โจทก์จะเอาทางเดินจากที่ดินแปลงอื่นหาได้ไม่ และเมื่อกรณีต้องด้วยมาตรา 1350 ก็จะนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายและพาณิชย์ มาตรา 1349 มาปรับแก่คดีของโจทก์ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์โฉนดที่ ๑๑๖๒๖ มีที่ดินแปลงอื่นล้อมรอบทุกด้านจนไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ ที่ดินของจำเลยโฉนดที่ ๑๑๖๒๗ ได้แบ่งแยกจากโฉนดที่ ๒๑๗๕ เช่นเดียวกับที่ดินของโจทก์ และที่ดินของจำเลยมีสภาพเป็นทางเดินผ่านหน้าที่ดินของโจทก์ออกสู่ทางสาธารณะซอยอ่อนนุช ๑ ซึ่งเจ้าของที่ดินข้างเคียงได้ใช้เป็นทางเดินมาช้านานแล้ว ต่อมาจำเลยกั้นรั้วสังกะสียาวตลอดที่ดินจำเลยปิดกั้นด้านหน้าที่ดินของโจทก์ จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อรั้วดังกล่าว
จำเลยให้การว่า โจทก์หรือคนอื่นไม่เคยใช้ทางเดินผ่านที่ดินโฉนดที่ ๑๑๖๒๗ ของจำเลยเลย จำเลยใช้ที่ดินดังกล่าวเป็นทางเดินและทางรถเพื่อประโยชน์ของที่ดินของจำเลยอีกแปลงหนึ่ง คือที่ดินโฉนดที่ ๗๒๒๖ หากที่ดินโจทก์ไม่มีทางออกสู่สาธารณะโจทก์ก็ชอบที่จะเรียกร้องเอาทางเดินบนที่ดินโฉนดที่ ๑๑๖๒๖ เดิม ซึ่งได้แบ่งแยกออกเป็นหลายแปลง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าที่พิพาทเป็นภาระจำยอมนั้น เห็นว่าโจทก์จะได้ภาระจำยอมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อที่ว่าผู้ซื้อคนก่อนและโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทโดยปรปักษ์เดินผ่านเข้าออกที่ดินของโจทก์มาครบถ้วนตามเวลาที่กฎหมายบัญญัติไว้เกี่ยวกับการได้ภาระจำยอมโดยอายุความหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าผู้ซื้อคนก่อนและโจทก์ไม่เคยเข้าอยู่หรือเข้าเกี่ยวข้องทำประโยชน์ในที่ดินโฉนดที่ ๑๑๖๒๖ ของโจทก์ หรือได้ใช้ทางพิพาทเดินผ่านเข้าออกที่ดินของโจทก์ดังกล่าว โจทก์ก็ย่อมจะอ้างเป็นภาระจำยอมแก่โจทก์หาได้ไม่ แม้ที่ดินโฉนดที่ ๑๑๖๒๖ ของโจทก์จะได้แบ่งแยกมาเกินกว่า ๑๐ ปีก็ดีก็ไม่ทำให้โจทก์ได้ภารจำยอม เพราะการจะได้ภาระจำยอมจะต้องเป็นการใช้สิทธิ์โดยปรปักษ์เดินผ่านทางพิพาทเข้าออกที่ดินของโจทก์ติดต่อกันเป็นเวลา ๑๐ ปีแล้ว ฉะนั้นการแบ่งแยกหาใช่เป็นการใช้สิทธิ์โดยปรปักษ์อันจะทำให้เกิดภาระจำยอมโดยอายุความไม่ ที่โจทก์อ้างว่าการแบ่งที่ดินเป็นโฉนดที่ ๑๑๖๒๕, โฉนดที่ ๑๑๖๒๖ และโฉนดที่ ๑๑๖๒๗ เป็นการแสดงถึงเจตนาของผู้แบ่ง (คือเจ้าของเดิม) ว่าได้แบ่งที่ดินโฉนดที่ ๑๑๖๒๗ ให้เป็นทางออกของที่ดินโฉนดแปลงอื่นนั้น เห็นว่าโจทก์นำสืบให้เป็นเจตนาของเจ้าของเดิมไม่ได้ว่ามีความประสงค์เช่นนั้น กล่าวคือ เมื่อแบ่งแยกกันแล้วเจ้าของแปลงอื่นที่แบ่งได้ใช้ที่พิพาทเป็นทางเดินออกสู่ซอยอ่อนนุช ๑ แต่กลับได้ความตามฎีกาของโจทก์เองรับว่าที่ดินโฉนดที่ ๑๑๖๒๖ มีทางเดินออกไปสู่ซอยอ่อนนุช ๑ ได้และยังได้ความว่าที่ดินที่แบ่งแยกแต่ละแปลงอยู่ติดกับซอยอ่อนนุช ๑ มาตั้งแต่เริ่มแบ่งแยก ย่อมเห็นได้ว่าผู้แบ่งมีเจตนาให้มีทางออกในที่ดินของตนแต่ละแปลงไปสู่ซอยอ่อนนุช ๑ ของแต่ละแปลง มิได้มีเจตนาดังที่โจทก์กล่าวอ้าง
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ที่พิพาทเป็นทางจำเป็นนั้น เห็นว่าจริงอยู่ขณะนี้ที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมโดยรอบ โจทก์มีความจำเป็นจะต้องมีทางออกสู่ซอยอ่อนนุช ๑ แต่ที่ดินของโจทก์นี้เป็นที่ซึ่งแบ่งแยกออกมาจากที่ดินโฉนดที่ ๑๑๖๒๖ เดิมซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๕๐ บัญญัติให้โจทก์มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเอาทางเดินจากที่ดินแปลงที่ได้แบ่งแยกได้ โจทก์จะเอาทางเดินจากที่ดินโฉนดที่ ๑๑๖๒๗ ของจำเลยซึ่งได้ทำเป็นถนนเพื่อไปสู่ซอยอ่อนนุช ๑ หาได้ไม่ เมื่อกรณีต้องด้วยมาตรา ๑๓๕๐ จึงนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๔๙ มาปรับแก่คดีของโจทก์ไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share