คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ให้ด้วยความสมัครใจเป็นข้อสนับสนุนคำเบิกความของผู้เสียหายให้มีน้ำหนักรับฟังได้ จำเลยกับ ว. คบคิดกันจะขอเงินผู้เสียหาย 20 บาท หากผู้เสียหายไม่ให้จะใช้มีดจี้ขู่เอาเงิน ดังนั้นการที่จำเลยบอกให้ว. ใช้มีดจี้ขู่ผู้เสียหายหลังจากที่ผู้เสียหายไม่ยอมให้เงินตามที่จำเลยกับ ว. พูดขอถือว่าเป็นการกระทำส่วนหนึ่งของการที่ว. ใช้มีดจี้ขู่ผู้เสียหายตามที่ได้คบคิดกันมาก่อนแล้ว และจำเลยยังอยู่ในที่เกิดเหตุในลักษณะพร้อมจะช่วยเหลือ ว. แต่เมื่อจำเลยไม่ได้ทรัพย์สินไปจากผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับว. พยายามชิงทรัพย์ผู้เสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับนายวุฒิชัยหรือเฉาก๋วยหรือบ๊วยปันทรัตน์ จำเลยคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2698/2534 ของศาลชั้นต้นได้ร่วมกันชิงทรัพย์เงินสดจำนวน 20 บาท ของนางสาวอังคณา รักภิรมย์ผู้เสียหาย ในการชิงทรัพย์นั้นจำเลยและนายวุฒิชัยได้ร่วมกันใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธ ขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย เพื่อให้ความสะดวกแก่การชิงทรัพย์และพาทรัพย์นั้นไป จำเลยและนายวุฒิชัยลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เนื่องจากผู้เสียหายได้วิ่งหลบหนีไปขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 339, 33พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525มาตรา 13 ริบมีดปลายแหลมของกลางคืนเงิน 5 บาท แก่จำเลย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ของกลางริบ คืนเงิน 5 บาทแก่จำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 339 วรรคสอง ให้ลงโทษจำคุก 6 ปี8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลยร่วมกับนายวุฒิชัยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะมีผู้เสียหายเพียงปากเดียวที่เป็นประจักษ์พยานเบิกความถึงการกระทำของจำเลยและนายวุฒิชัยที่กระทำต่อผู้เสียหายก็ตาม แต่ผู้เสียหายไม่มีสาเหตุโกรธเคืองทั้งไม่เคยรู้จักจำเลยและนายวุฒิชัยโดยไม่เป็นความจริง ร้อยตำรวจโทมนัส นครศรี พนักงานสอบสวนบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนเอกสารหมาย จ.6 ซึ่งมีข้อความรายละเอียดสอดคล้องกับคำเบิกความของผู้เสียหาย เชื่อได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนเอกสารหมาย จ.6 ซึ่งมีข้อความรายละเอียดสอดคล้องกับคำเบิกความของผู้เสียหาย เชื่อได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนด้วยความสมัครใจ มิใช่เพราะถูกเจ้าพนักงานตำรวจทำร้ายบังคับให้จำเลยรับสารภาพดังที่จำเลยนำสืบกล่าวอ้างขึ้นมาลอย ๆ คำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยดังกล่าวเป็นข้อสนับสนุนคำเบิกความของผู้เสียหายให้มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นตามคำเบิกความของผู้เสียหายจริงผู้เสียหายเบิกความยืนยันว่า ตอนที่จำเลยกลับเข้ามาในสวนหย่อมนั้นนายวุฒิชัยมาด้วย หลังจากจำเลยขอเงินผู้เสียหาย 20 บาทและผู้เสียหายไม่ให้ จำเลยก็ยังอยู่ในบริเวณนั้น ต่อมา 2-3 นาทีนายวุฒิชัยก็เข้าไปขอเงินผู้เสียหาย 20 บาท เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมให้จำเลยซึ่งนั่งยอง ๆ อยู่ก็บอกให้นายวุฒิชัยใช้มีดจี้ผู้เสียหายขู่เอาเงินเชื่อว่าผู้เสียหายเบิกความตามความจริงจึงเชื่อได้ว่าจำเลยและนายวุฒิชัยได้คบคิดกันมาก่อนแล้วว่าจะขอเงินจากผู้เสียหาย 20 บาท หากผู้เสียหายไม่ให้ก็จะใช้มีดจี้ขู่เอาเงิน เพราะไม่เช่นนั้นแล้วจำเลยและนายวุฒิชัยคงไม่พูดขอเงินผู้เสียหายในจำนวนเท่ากันคือ 20 บาท ทั้ง ๆ ที่ไม่ปรากฏว่าเมื่อเข้ามาในสวนหย่อมแล้วก่อนที่จำเลยจะขอเงินผู้เสียหาย 20 บาทจำเลยและนายวุฒิชัยได้ปรึกษาหารือกันแต่อย่างใด และหากจำเลยกับนายวุฒิชัยไม่ได้คบคิดกันมาก่อน จำเลยจะรู้ได้อย่างไรว่านายวุฒิชัยมีมีดและบอกให้นายวุฒิชัยใช้มีดจี้ขู่ผู้เสียหายซึ่งนายวุฒิชัยก็ทำตามที่จำเลยบอกทันที แม้นายวุฒิชัยจะยังไม่ได้เงินจากผู้เสียหายและในขณะที่นายวุฒิชัยใช้มีดจี้ขู่เอาเงินจากผู้เสียหายดังกล่าวจำเลยจะนั่งอยู่เฉย ๆ ก็ตาม แต่การที่จำเลยบอกให้นายวุฒิชัยใช้มีดจี้ขู่ผู้เสียหายนั้นก็ถือว่าเป็นการกระทำส่วนหนึ่งของการที่นายวุฒิชัยใช้มีดจี้ขู่ผู้เสียหายตามที่ได้คบคิดกันมาก่อนแล้ว และจำเลยยังอยู่ในที่เกิดเหตุในลักษณะพร้อมจะช่วยเหลือนายวุฒิชัยจำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับนายวุฒิชัยพยายามชิงทรัพย์ผู้เสียหาย พยานหลักฐานของจำเลยไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้นแต่คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของศาล เห็นควรลดโทษให้จำเลย”
พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 4 ปี 5 เดือน 10 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share