คำสั่งคำร้องที่ 1449/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยทั้งห้าฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ข้อฎีกาของจำเลยทั้งห้าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวโดยชอบ ในศาลอุทธรณ์ และต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 และ 249จึงไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งห้า
จำเลยทั้งห้าเห็นว่า จำเลยทั้งห้าได้ฎีกาว่าอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้าเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจฟ้อง อันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับ วินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งห้าไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นสั่งรวมการพิจารณาเข้า ด้วยกันโดยเรียกจำเลยในสำนวนแรกว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 และจำเลย ในสำนวนหลังว่าจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ตามลำดับ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) เลขที่ 2961ตำบลมะอึอำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ให้จำเลยที่ 4 และที่ 5 จดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์มีชื่อถือสิทธิเพียงผู้เดียว หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการ แสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง ให้จำเลยทั้งห้าส่งมอบหนังสือรับรอง การทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) ของที่ดินดังกล่าวคืนโจทก์ห้ามจำเลย ทั้งห้าเกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าว คำขออื่นให้ยก
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้า
จำเลยทั้งห้าฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 62)
จำเลยทั้งห้าจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 63)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยทั้งห้าฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเพราะนางตู้ไม่ได้ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ นางตู้ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์หรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ศาลชั้นต้นไม่รับเป็นฎีกาเพราะต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 จึงชอบแล้ว ให้ยกฎีกาจำเลยทั้งห้า

Share