แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีนี้โจทก์ที่ 2 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ไม่รับฎีกา คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยได้ยื่น คำร้องขอให้ศาลออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดให้แก่จำเลย เพื่อประโยชน์ในการขอพระราชทานอภัยโทษ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีถึงที่สุดในส่วนของจำเลยแล้ว ออกหมายจำคุกถึงที่สุดให้ โจทก์ที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า คดียังไม่ ถึงที่สุด ให้งดการออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด แต่ปรากฏว่า ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งดังกล่าว จำเลยได้เป็นนักโทษเด็ดขาด และได้รับอภัยโทษถูกปล่อยตัวไปแล้ว โจทก์ที่ 2 เห็นว่า การที่จำเลยได้รับผลให้คดีถึงที่สุดเป็นนักโทษเด็ดขาด ตลอดจนได้รับการอภัยโทษเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอศาลฎีกา ได้โปรดมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้คดีถึงที่สุด และมีคำสั่งออกหมายจับตัวจำเลยมาจำคุกให้ครบตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้นหรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุดต่อไป
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
คดีทั้งสองสำนวนนี้ จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกัน เหตุคดี ทั้งสองสำนวนเป็นเหตุเดียวกัน ซึ่งพนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลย โดยข้อหาอย่างเดียวกันตามสำนวนแรก ศาลชั้นต้นจึงพิจารณาพิพากษา รวมกัน โดยเรียกโจทก์สำนวนแรกว่าโจทก์ที่ 1 เรียกโจทก์ สำนวนหลังว่าโจทก์ที่ 2
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291,91 ที่แก้ไขแล้ว พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43,78,157,160 วรรคสอง เรียงกระทงลงโทษ ความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291พระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 43,157 ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 2 ปี ความผิดตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 78,160 วรรคสอง จำคุก 2 เดือน รวมจำคุก 2 ปี 2 เดือน
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบกมาตรา 43,157 ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 1 ปี รวมกับโทษที่ ศาลชั้นต้นกำหนดในข้อหาหลบหนีไม่ให้ความช่วยเหลือ เป็นจำคุก 1 ปี 2 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับ (อันดับ 129)
โจทก์ที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 131) ศาลฎีกาทำคำสั่งเสร็จและส่งไปศาลชั้นต้นแล้ว ทนายโจทก์ที่ 2ยื่นคำร้องนี้โดยตรงต่อศาลฎีกา
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าคดียังไม่ถึงที่สุดให้งดการออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด โจทก์ที่ 2 ฎีกาว่า การที่ จำเลยได้รับผลให้คดีถึงที่สุดเป็นนักโทษเด็ดขาดตลอดจนได้รับการอภัยโทษเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เป็นฎีกาที่มิได้กล่าว ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายไว้โดยชัดแจ้งว่าคำสั่งของศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ให้ยกฎีกาโจทก์ที่ 2