คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยคืนเครื่องสังคโลก ได้ หรือไม่ เพียงใด เมื่อจำเลยนำสืบโต้แย้งตามคำให้การว่าจำเลยมีสิทธิยึดเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ไว้ก่อนจนกว่าโจทก์จะชำระเงินค่าพระพุทธรูปและรูปปั้นยักษ์ สังคโลกจำนวน 300,000 บาท ที่ค้างจำเลยเสียก่อนซึ่งเป็นลักษณะที่จะหักกลบลบหนี้ ศาลจึงมีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยจะมีสิทธิหักกลบลบหนี้ได้หรือไม่ ไม่เป็นการนอกประเด็น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2527 จำเลยรับมอบเครื่องถ้วยสังคโลกไปจากโจทก์รวม 30 ชิ้น รวมราคาทั้งสิ้น250,000 บาท เพื่อนำไปขาย โดยจำเลยตกลงว่าถ้าขายได้เกินกว่าราคาที่ตกลงกันไว้ให้ส่วนที่ขายได้เกินตกเป็นของจำเลย และจำเลยจะนำเงินที่ขายเครื่องถ้วยสังคโลกได้ทั้งหมดไปชำระให้โจทก์ทันทีที่ขายได้ ถ้าขายไม่ได้ก็จะคืนเครื่องถ้วยสังคโลกทั้งหมดให้หลังจากนั้นจำเลยไม่นำเงินมาชำระให้โจทก์ โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยอ้างว่ายังขายเครื่องถ้วยสังคโลกไม่ได้ วันที่ 7 ตุลาคม 2527 จะนำไปคืนให้โจทก์ แต่เมื่อถึงกำหนดจำเลยก็ไม่นำไปคืน ขอให้บังคับจำเลยคืนเครื่องถ้วยสังคโลกจำนวน 30 ชิ้นให้โจทก์ หากไม่สามารถคืนได้ก็ให้จำเลยใช้ราคาเครื่องถ้วยสังคโลกเป็นเงิน 266,400 บาทและให้จำเลยเสียดอกเบี้ยจากต้นเงิน 250,000 บาท ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่ง นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเคยรับเครื่องถ้วยสังคโลกของโจทก์ไปขายหลายครั้งและหลายอย่าง มีทั้งที่ชำระราคาแล้วและที่ยังไม่ได้ชำระราคา เครื่องถ้วยสังคโลกที่โจทก์ฟ้องเป็นของมีตำหนิเพราะแตกร้าวแล้วนำกาวมาติด โจทก์ตกลงให้จำเลยนำไปขายในราคา70,000 บาท ไม่ใช่ราคา 250,000 บาท แต่จำเลยต้องยึดเงิน 70,000 บาทไว้เพื่อหักกลบลบหนี้ที่โจทก์เป็นหนี้จำเลยจำนวน 300,000 บาทและถูกจำเลยฟ้องที่ศาลจังหวัดพิษณุโลกเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่3/2528 คดียังไม่เสร็จสิ้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยไม่อาจอ้างสิทธิเรียกร้องที่มีต่อโจทก์มาหักกลบลบหนี้ได้เพราะสิทธิเรียกร้องดังกล่าวยังมีข้อต่อสู้อยู่ เครื่องถ้วยสังคโลกของโจทก์มีราคา 250,000 บาทพิพากษาให้จำเลยคืนเครื่องถ้วยสังคโลกจำนวน 30 ชิ้นให้โจทก์หากไม่สามารถคืนได้ก็ให้จำเลยใช้ราคาเป็นจำนวนเงิน 250,000 บาทและให้จำเลยเสียดอกเบี้ยจากต้นเงินดังกล่าวนับตั้งแต่วันที่ 7ตุลาคม 2527 ซึ่งเป็นวันผิดนัดเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะคืนเครื่องถ้วยสังคโลกจำนวนดังกล่าวหรือใช้ราคาเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยมีว่าเครื่องสังคโลกที่จำเลยได้รับไปจากโจทก์มีราคาเท่าใด โจทก์มีโจทก์นางรัตนา อรุณพิทย์ไพฑูรย์ ภรรยาโจทก์เบิกความยืนยันต้องกันว่า เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2527 จำเลยได้รับเครื่องสังคโลกไปจากโจทก์ 30 ชิ้น รวมราคา 250,000 บาท เพื่อนำไปขาย จำเลยตกลงจะชำระราคาภายใน 3 วัน หากจำเลยขายไม่ได้ภายในกำหนดจะนำเครื่องสังคโลกดังกล่าวไปคืนแก่โจทก์ ถึงกำหนดแล้วจำเลยไม่ได้นำไปคืนแก่โจทก์ ในวันที่ 27 กันยายน 2527 โจทก์ นางรัตนา และนายอุปถัมภ์ เหล่าไพโรจน์ ทนายโจทก์ได้ไปพบจำเลย โจทก์จำเลยได้คิดหักบัญชีกัน เนื่องจากต่างฝ่ายต่างรับของไปจากกันและกันโดยไม่นำเครื่องสังคโลกที่จำเลยรับไปจากโจทก์ไปหักบัญชีด้วยและเมื่อหักทอนบัญชีกันแล้วปรากฏว่าโจทก์ยังเป็นหนี้จำเลยอยู่จำนวน 70,200 บาท โจทก์จำเลยได้ตกลงกันว่าโจทก์จะนำเงินที่เป็นหนี้จำเลยอยู่ไปชำระแก่จำเลยในวันที่ 7 ตุลาคม 2527 แล้วจะรับเครื่องสังคโลกที่จำเลยรับไปคืน เมื่อถึงกำหนดโจทก์นางรัตนาและนายอุปถัมภ์ไปพบจำเลย แต่ไม่พบ รอจำเลยอยู่ที่บ้านจำเลยจนเวลา 18.50 น. จึงได้พากันกลับไป เกี่ยวกับเรื่องราคานี้ โจทก์ยังมีนายแผ้ว พ่วงบ้านแพน ซึ่งอยู่ที่บ้านโจทก์ขณะจำเลยรับเครื่องสังคโลกไปจากโจทก์มาเบิกความประกอบคำเบิกความของนายอุปถัมภ์ว่า ในวันซื้อขายจำเลยตกลงซื้อเครื่องสังคโลกราคา250,000 บาท ยังไม่ชำระเงินในทันที จะชำระเมื่อขายได้แล้วและในตอนติดตามไปทวงเครื่องสังคโลกคืนได้พูดเรื่องราคาในระหว่างที่นายอุปถัมภ์พูดไกล่เกลี่ยระหว่างโจทก์จำเลย โจทก์ว่าเครื่องสังคโลกราคา 250,000 บาท จำเลยไม่ได้โต้แย้งแต่อย่างใด เห็นว่า พยานโจทก์ทั้งหมดเบิกความมีเหตุมีผลสอดคล้องต้องกันน่าเชื่อถือ จำเลยอ้างตนเองและนางไสว ระย้าย่อน ภริยาเป็นพยานเบิกความทำนองเดียวกันว่าได้รับเครื่องสังคโลกไปจากโจทก์จำนวน 30 ชิ้น เพื่อให้จำเลยนำไปขายในราคา 60,000 บาท ต่อมาได้นำไปขายให้ผู้พิพากษาศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ในราคา 70,000 บาท ส่วนที่เกินกว่าราคาที่ตกลงกันนั้นให้เป็นของจำเลย แต่ทางนำสืบของจำเลยดังกล่าวแตกต่างและขัดแย้งกับคำให้การที่จำเลยได้ให้การว่า โจทก์ตกลงให้จำเลยนำเครื่องสังคโลกไปขายในราคา 70,000 บาท และที่จำเลยอ้างว่าเครื่องสังคโลกดังกล่าวบางชิ้นแตกร้าวและบิ่นก็ไม่น่าเชื่อ เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยได้โต้แย้งหรือต่อรองราคาให้ลดลง ที่อ้างว่าได้ขายไปแล้วก็ไม่ได้นำสืบผู้ซื้อ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องว่าเป็นความจริงหรือไม่ จำเลยนำสืบลอย ๆ และส่อพิรุธ ไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือกว่าพยานหลักฐานจำเลยฟังได้ว่าเครื่องสังคโลกที่จำเลยรับไปจากโจทก์มีราคา 250,000 บาท จำเลยฎีกาอีกข้อหนึ่งว่าศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยเรื่องหักกลบลบหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 344 เพราะคดีไม่มีประเด็นนั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยคืนเครื่องสังคโลกได้หรือไม่เพียงใด เมื่อจำเลยนำสืบโต้แย้งตามคำให้การว่าจำเลยมีสิทธิยึดเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ไว้ก่อนจนกว่าโจทก์จะชำระเงินค่าพระพุทธรูปและรูปปั้นยักษ์สังคโลก จำนวน 300,000 บาท ที่ค้างจำเลยเสียก่อน ซึ่งเป็นลักษณะที่จะหักกลบลบหนี้ ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยจะมีสิทธิหักกลบลบหนี้ได้หรือไม่ ไม่เป็นการนอกประเด็นดังที่จำเลยฎีกา ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share