คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์มิได้นำสืบให้ศาลเห็นว่า ที่อ้างว่าสืบทราบว่าจำเลยลักลอบจำหน่ายเฮโรอีนนั้นสืบทราบด้วยวิธีใดและจำเลยมีพฤติการณ์อย่างใด การไปจับกุมจำเลยมานี้ไม่ได้ใช้วิธีล่อซื้อแต่เป็นการนำหมายค้นไปค้นเพื่อพบและยึดสิ่งของผิดกฎหมาย ซึ่งการที่ร้อยตำรวจโท ป.ยันยันว่า มีชายซึ่งไม่ได้สอบถามชื่อมา กระซิบ บอกว่ามี เฮโรอีนอยู่หลังบ้านจำเลยนั้นถือเป็นการเลื่อนลอยทั้งการค้นของเจ้าพนักงานก็มิได้เป็นไปตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 102 วรรคหนึ่งบัญญัติไว้ว่า การค้นในที่รโหฐานเท่าที่สามารถจะทำได้ให้ค้นต่อหน้าผู้ครอบครองสถานที่หรือบุคคลในครอบครัว ฯลฯแต่ในขณะที่ไปตรวจค้นนั้นมีจำเลยอยู่ที่บ้านคนเดียวและไม่ปรากฏว่ามีเหตุขัดข้องอย่างใด เมื่อค้นในบ้านไม่พบสิ่งผิดกฎหมายก็สมควรจะนำจำเลยไปหลังบ้านด้วยและค้นต่อหน้าจำเลยเพื่อแสดงความบริสุทธิ์และเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย การที่ค้นพบเฮโรอีนของกลางลับหลัง อย่างนี้ทำให้ยังเป็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัย จำเลยประกอบอาชีพมีงานทำเป็นกิจจะลักษณะโดยเป็นเจ้าของร้านรับซ่อมรถจักรยานยนต์อยู่ ณ บ้านที่เกิดเหตุนั้นเองมี ช. กำนันตำบลที่เกิดเหตุรับรองว่าจำเลยไม่เคยเสพหรือจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ และทางพิจารณาได้ความว่าบริเวณที่พบเฮโรอีนของกลางมิได้อยู่ในบ้าน แต่อยู่นอกบ้านออกไปในที่โล่ง ไม่มีหลังคาคลุม เพียงแต่มีรั้วลวดหนามกั้นอยู่โดยรอบ ซึ่งก็สามารถเดินผ่านข้ามได้แสดงว่ารั้วนี้กั้นคนไม่ได้ทั้งจุดที่ค้นพบถุงเฮโรอีนซึ่งอยู่ห่างรั้วประมาณ 1 ศอกนั้น ก็ง่ายต่อการที่ ผู้อื่นจะนำถุงเฮโรอีนของกลางไปวางซุก ไว้อย่างยิ่งโดยไม่ถึงกับต้องเข้าไปข้างในรั้วเพียงแต่เดินมาข้างรั้ว แล้วยื่นมือเข้าไปวางก็ทำได้ทุกเวลาอยู่แล้ว จะฟังว่า ค้นพบเฮโรอีนของกลางหลังบ้านจำเลยก็ต้องเป็นของจำเลย ยังฟังได้ไม่ถนัด กรณีมีเหตุสงสัยจึงเห็นสมควรยกประโยชน์ แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 67 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 91 และริบกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 จำคุก 1 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก ริบกระสุนปืนของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุที่โจทก์ฟ้องเจ้าพนักงานตำรวจค้นบ้านจำเลยตามหมายค้นพบเฮโรอีน 43 หลอด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกซุกซ่อนอยู่ในพงหญ้าหลังบ้านภายในรั้วบ้าน มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงข้อเดียวว่า เฮโรอีนของกลางที่ค้นพบเป็นของจำเลยหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่เคยเสพหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติดใด ๆ มาก่อน สภาพห้องแถวมีทั้งหมด 10 กว่าห้อง สามารถเดินติดต่อกันได้ทุกห้อง อาจเป็นเฮโรอีนของบุคคลที่อยู่หลังห้องข้างเคียงก็ได้ โจทก์มีร้อยตำรวจโทปรีชา ศรีสกุล เป็นพยานเบิกความว่า สืบทราบมาก่อนว่าจำเลยลักลอบจำหน่ายเฮโรอีนและมั่วสุมเสพเฮโรอีนที่บ้านซึ่งเป็นร้านซ่อมรถจักรยานยนต์เคยตักเตือนแล้ว วันเกิดเหตุค้นในบ้านจำเลยไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่เมื่อดึงประตูหลังบ้านที่เปิดอยู่เข้ามาดูด้านหลังพบเข็มฉีดยา 2 ชุดกับหลอดกาแฟมีร่องรอยการใช้ยาเสพติดแล้ว 3 หลอด และพบกระสุนปืนขนาด 9 มม. อยู่ในกระเป๋ากางเกงวางอยู่บนพื้นดินห่างประตูหลังบ้าน 1 เมตร ขณะเขียนบันทึกการตรวจค้นจับกุมอยู่มีชาวบ้านมาบอกว่าเฮโรอีนอยู่ที่ริมรั้วหลังบ้าน ซึ่งก่อนหน้านั้นได้ตรวจค้นแล้วแต่ไม่พบจึงตรวจค้นใหม่อีกครั้ง พบเฮโรอีนของกลางห่ออยู่ในถุงพลาสติกสีขาวผูกม้วนมัดไว้อยู่ในพงหญ้าห่างจากหลังบ้านประมาณ 5 เมตร และมีสิบตำรวจตรีสมรักษ์ นาคสุวรรณ เป็นพยานเบิกความว่าตรวจค้นภายในบ้านไม่พบสิ่งผิดกฎหมายจากนั้นได้ตรวจค้นรอบบริเวณหลังบ้าน ขณะนั้นประตูหลังบ้านเปิดอยู่จึงเปิดดูด้านหลังประตู พบเข็มฉีดยา 2 ชุด อยู่ข้างประตู กับหลอดกาแฟปิดหัวท้ายมีร่องรอยการใช้เฮโรอีนแล้วตกอยู่ 3 หลอดจึงยึดไว้ จากนั้นร้อยตำรวจโทปรีชาสั่งให้ตรวจค้นใหม่โดยบอกว่ามีคนมากระซิบ ว่ามีเฮโรอีนอยู่ด้านหลังบ้านจึงย้อนไปตรวจค้นใหม่ หลังบ้านจำเลยมีรั้วลวดหนามเป็นที่ทิ้งขยะมีหญ้ารกสูงแค่ เข่าไม่สามารถเดินผ่านได้ เจ้าพนักงานตำรวจทั้งหมดช่วยกันแหวกคุ้ยหญ้าและค้นพบเฮโรอีนอยู่ในถุงพลาสติกม้วนไว้ซุกซ่อนอยู่ในพงหญ้า เห็นว่าโจทก์มิได้นำสืบให้ศาลเห็นว่า ที่อ้างว่าสืบทราบว่าจำเลยลักลอบจำหน่ายเฮโรอีนนั้น สืบทราบด้วยวิธีใด และจำเลยมีพฤติการณ์อย่างใด ที่ไปจับกุมจำเลยมานี้ไม่ได้ใช้วิธีล่อซื้อแต่เป็นการนำหมายค้นไปค้นเพื่อพบและยึดสิ่งของผิดกฎหมายแล้วอ้างว่าพบเฮโรอีนของกลางอยู่ที่พงหญ้าหลังบ้านนอกตัวบ้านออกไป โดยร้อยตำรวจโทปรีชายืนยันว่ามีคนมา กระซิบ บอกว่ามีเฮโรอีนอยู่หลังบ้าน แต่เมื่อจำเลยถามค้านถึงคนที่มาบอกนี้ ร้อยตำรวจโทปรีชาเบิกความว่าเป็นผู้ชาย ไม่ได้สอบถามชื่อไว้ เห็นว่าเลื่อนลอยอยู่ปรากฏว่าสิบตำรวจตรีสมรักษ์ตอบคำถามค้านว่าเป็นผู้ตรวจค้นพบเฮโรอีนเมื่อค้นพบแล้วได้เรียกร้อยตำรวจโทปรีชามาดูโดยใช้วิทยุเรียก ส่วนจำเลยอยู่ละแวกที่ตรวจค้นพบเฮโรอีนและตัวจำเลยเบิกความว่า เมื่อตรวจค้นพบเจ้าพนักงานตำรวจเรียกให้จำเลยไปดู บอกว่าพบเฮโรอีนที่รั้วหลังบ้านแสดงว่าการค้นของเจ้าพนักงานชุดนี้มิได้เป็นไปตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 102 วรรคหนึ่งบัญญัติไว้ว่า การค้นในที่รโหฐานเท่าที่สามารถจะทำได้ให้ค้นต่อหน้าผู้ครอบครองสถานที่หรือบุคคลในครอบครัว ฯลฯ เพราะได้ความจากที่โจทก์จำเลยนำสืบมาตรงกันว่า ขณะที่ไปตรวจค้นนั้นมีจำเลยอยู่ที่บ้านคนเดียวและไม่ปรากฏว่ามีเหตุขัดข้องอย่างใด เมื่อค้นในบ้านไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแล้วยังมีคนมากระซิบ บอกอย่างนี้ก็สมควรจะนำจำเลยไปหลังบ้านด้วยและค้นต่อหน้าจำเลยเพื่อแสดงความบริสุทธิ์และเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายการที่ค้นพบเฮโรอีนของกลางลับหลังอย่างนี้ทำให้ยังเป็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัย จำเลยประกอบอาชีพมีงานทำเป็นกิจจะลักษณะ เป็นเจ้าของร้านรับซ่อมรถจักรยานยนต์อยู่ ณ บ้านที่เกิดเหตุนั้นเอง มีนายเชาวน์ ผลไชย กำนันตำบลที่เกิดเหตุมาเบิกความเป็นพยานรับรองว่าเท่าที่สืบทราบจำเลยไม่เคยเสพหรือจำหน่ายยาเสพติดให้โทษและทางพิจารณาได้ความว่าบริเวณที่พบเฮโรอีนของกลางมิได้อยู่ในบ้าน แต่อยู่นอกบ้านออกไปในที่โล่ง ไม่มีหลังคาคลุมเพียงแต่มีรั้วลวดหนามกั้นอยู่โดยรอบ ซึ่งร้อยตำรวจโทปรีชาพยานโจทก์เบิกความว่า รั้วลวดหนามหลังบ้านนี้สามารถเดินข้ามได้และสิบตำรวจตรีสมรักษ์พยานโจทก์เบิกความว่า รั้วลวดหนามชำรุดสามารถเดินผ่านได้ ซึ่งตรงกับที่พนักงานสอบสวนเขียนบรรยายไว้ในแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.1 ว่ารั้วลวดหนามชำรุด สามารถเดินผ่านได้แสดงว่ารั้วนี้กั้นคนไม่ได้ ทั้งจุดที่ค้นพบถุงเฮโรอีนนั้นตามที่แสดงไว้ในแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุด้วยจุดหมายเลข 1อยู่ใกล้ชิดติดกับรั้วลวดหนามมาก ตามคำร้อยตำรวจโทปรีชาตอบคำถามค้านว่าอยู่ห่างรั้วประมาณ 1 ศอกเท่านั้น เห็นว่าง่ายต่อการที่ผู้อื่นจะนำถุงเฮโรอีนของกลางไปวางซุก ไว้อย่างยิ่ง เพราะระยะห่างแค่ นั้น ไม่ถึงกับต้องเข้าไปข้างในรั้วเพียงแต่เดินมาข้างรั้วแล้วยื่นมือเข้าไปวางก็ทำได้ทุกเวลาอยู่แล้วจะฟังว่าเมื่อค้นพบเฮโรอีนของกลางหลังบ้านจำเลยก็ต้องเป็นของจำเลยยังฟังได้ไม่ถนัด กรณีมีเหตุสงสัยตามสมควรเช่นเดียวกับกระสุนปืนที่ศาลชั้นต้นยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยไปแล้ว จึงเห็นสมควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดและลงโทษจำคุกศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่ให้ริบกระสุนปืนของกลาง

Share