คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 373/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยใช้มีดพร้าฟันผู้เสียหายที่ศีรษะด้านหลัง 1 ที จำเลยฟันแล้วก็ถอยหลังไปโดยไม่ได้ฟันผู้เสียหายซ้ำหรือไล่ติดตามฟันผู้เสียหายต่อไปอีก ผู้เสียหายมีบาดแผลที่กลางศีรษะเป็นแนวโค้งจากหน้าไปหลังยาวประมาณ 5 นิ้ว ลึกเพียงถึงผิวนอกของกระดูกกะโหลกศีรษะถูกบาด ขาดตามแนวแผลชั้นนอกเท่านั้น ไม่ได้ทะลุกระดูกกะโหลกศีรษะ หากรักษาไม่ทันไม่น่าจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ทั้งสาเหตุที่จำเลยฟันผู้เสียหายก็เป็นเรื่องเล็กน้อย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น หาได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 ให้จำคุกจำเลย 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นเข้ามอบตัวและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยไว้ 6 ปี 8 เดือน ของกลางให้ริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 วางโทษจำคุก 3 ปี จำเลยเข้ามอบตัวและรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 2 ปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง จำเลยได้ใช้มีดพร้าฟันผู้เสียหาย 1 ที ถูกที่ศีรษะได้รับอันตรายถึงสาหัส ปรากฎตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์เอกสารหมาย จ.1 ปัญหามีว่าจำเลยฟันผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าหรือไม่ ปรากฎจากคำเบิกความของผู้เสียหายพยานโจทก์ว่าผู้เสียหายนั่งคุยกับนางขีดมารดาของจำเลยอยู่ที่บ้านนางขีด จำเลยเข้ามาทางด้านหลังผู้เสียหายแล้วใช้มีดพร้าฟันผู้เสียหายที่ศีรษะด้านหลัง 1 ที ขณะผู้เสียหายกำลังจะลุกขึ้น ผู้เสียหายหันไปดูเห็นจำเลยถือมีดพร้าซึ่งยาวทั้งด้ามและตัวมีดประมาณ 1 เมตรอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ 2 วา จำเลยฟันแล้วก็ถอยหลังไป ผู้เสียหายจึงวิ่งกลับไปที่บ้านของตน ศาลฎีกาเห็นว่า หากจำเลยเจตนาจะฆ่าผู้เสียหายจริง หลังจากฟันผู้เสียหายครั้งแรกแล้ว จำเลยก็น่าจะฟันผู้เสียหายซ้ำหรือไล่ติดตามฟันผู้เสียหายต่อไปอีก แต่ก็หาได้กระทำไม่ ส่วนบาดแผลที่ผู้เสียหายถูกฟันปรากฏตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์เอกสารหมาย จ.1 ว่าเป็นบาดแผลที่กลางศีรษะเป็นแนวโค้งจากหน้าไปหลังยาวประมาณ 5 นิ้ว ก็ลึกเพียงถึงผิวนอกของกระดูกกะโหลกศีรษะถูกบาดขาดตามแนวแผลชั้นนอกเท่านั้นหาได้ทะลุกระดูกกะโหลกศีรษะไม่ ทั้งยังได้ความจากคำเบิกความของนายแพทย์จำรัส สรพิพัฒน์ พยานโจทก์ผู้ตรวจชันสูตรบาดแผล ทำรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลและรักษาพยาบาลผู้เสียหายว่าบาดแผลภายนอกหายภายใน 7 วัน บาดแผลที่กระดูกหายประมาณ 6 สัปดาห์ บาดแผลของผู้เสียหายหากรักษาไม่ทันไม่น่าจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากกรณีที่เลือดออกไม่หยุดหรือมีโรคแทรกซ้อนจากติดเชื้อหรือบาดทะยักเท่านั้น ซึ่งแสดงว่าบาดแผลที่ผู้เสียหายถูกจำเลยฟันนั้นไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่ชีวิตแม้รักษาไม่ทันก็ตาม เมื่อพิจารณาประกอบกับสาเหตุที่จำเลยฟันผู้เสียหายตามที่โจทก์นำสืบก็ได้ความแต่เพียงว่าเนื่องมาจากก่อนเกิดเหตุ 3 วัน บุตรสาวอายุ 6 ขวบของผู้เสียหายไปถอนขนเป็ดของจำเลย จำเลยด่าบุตรสาวของผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงด่าตอบโต้แล้วเกิดเถียงกัน นางขีดมารดาของจำเลยได้ห้ามให้เลิกกันไปสาเหตุเพียงเท่านี้จึงไม่น่าเชื่อว่าจำเลยจะผูกใจเจ็บถึงกับจะฆ่าผู้เสียหาย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น หาได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายไม่…”.

Share