คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4276/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 โจทก์จะต้องนำสืบข้อเท็จจริงให้รับฟังได้ด้วยว่า เมืองฮ่องกงเป็นภาคีในอนุสัญญาแห่งกรุงเบอร์นพ.ศ. 2429 ด้วย การที่เมืองใดหรือประเทศใดเป็นภาคีในอนุสัญญาดังกล่าวหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ดังนั้น ที่จำเลยฎีกาว่าเมืองฮ่องกงไม่เป็นภาคีในอนุสัญญาแห่งกรุงเบอร์น พ.ศ. 2429เพราะประเทศอังกฤษมิได้ประกาศให้เข้าเป็นภาคีด้วยนั้น จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521มาตรา 4, 24, 25, 27, 42, 44, 47, 49 พระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนไขเพื่อคุ้มครองลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ พ.ศ. 2526 มาตรา 3, 4 และขอให้ของกลางตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ ให้จ่ายค่าปรับจำนวนกึ่งหนึ่งแก่ผู้เสียหายด้วย
ระหว่างพิจารณา บริษัทเทเลวิชั่นบรอดแคสท์ จำกัด ได้ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2521 มาตรา 27 ประกอบมาตรา 44 วรรคสอง จำคุก 4 เดือน ปรับ20,000 บาท จำเลยเพิ่งกระทำครั้งแรกเห็นควรรอการลงโทษไว้แล้วปล่อยตัวไปเพื่อให้โจทก์จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบเอกสารการเช่าภาพยนตร์วีดีโอเทปของกลาง ให้ภาพยนตร์วีดีโอเทปของกลางตกเป็นของผู้เสียหายและคืนแก่ผู้เสียหายให้จ่ายค่าปรับกึ่งหนึ่งแก่ผู้เสียหาย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติ ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 โดยอ้างว่าโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายเมืองฮ่องกง ซึ่งอยู่ในอารักขาของประเทศอังกฤษ การที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 เป็นคดีนี้ โจทก์จะต้องนำสืบข้อเท็จจริงให้รับฟังได้ด้วยว่า เมืองฮ่องกงเป็นภาคีในอนุสัญญาแห่งกรุงเบอร์น พ.ศ. 2429 ด้วย การที่เมืองใดหรือประเทศใดเป็นภาคีในอนุสัญญาดังกล่าวหรือไม่ จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่คู่ความฝ่ายที่กล่าวอ้างต้องนำสืบมิใช่เป็นข้อกฎหมายที่ศาลพึงรู้เองดังนั้นที่จำเลยฎีกาว่าเมืองฮ่องกงไม่เป็นภาคีในอนุสัญญาแห่งกรุงเบอร์น พ.ศ. 2429 เพราะประเทศอังกฤษมิได้ประกาศให้เข้าเป็นภาคีด้วยนั้น จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง และเนื่องจากคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี คดีจึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยจึงฎีกาในประเด็นดังกล่าวนั้นไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาประเด็นนี้ของจำเลยมาก็เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
พิพากษายกฎีกาจำเลย.

Share