คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายยอมให้จำเลยพักนอนที่นอกชานเท่านั้น การที่จำเลย เข้าไปในห้องนอนของผู้เสียหายเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จึงเป็นความผิดฐานบุกรุก.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกและข่มขืนกระทำชำเราตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖, ๓๖๒, ๓๖๔, ๓๖๕ พระราชบัญญัติแก้ไข เพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๒๕ มาตรา ๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖, ๓๖๕ ลงโทษตามมาตรา ๒๗๖ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามมาตรา ๙๐ จำคุก ๒ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย และวินิจฉัยว่า ‘การที่จำเลยได้รับความยินยอมจากผู้เสียหาย แต่ให้พักนอนที่นอกชาน แต่แล้วจำเลยกลับบุกรุกเข้าไปใน ห้องนอนผู้เสียหายเพื่อจะข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย การกระทำ ของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานบุกรุกตามโจทก์ฟ้องด้วย ที่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดทั้งสองฐานให้ลงโทษตาม ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราอันเป็นบทหนักที่สุดนั้น ศาลฎีกา เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นแต่ที่ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษ โดยไม่ได้กำหนดวรรคนั้นยังไม่ถูกต้อง ส่วนโทษแม้ศาลอุทธรณ์ จะกำหนดโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ วรรคแรก ต่ำกว่า ที่กฎหมายบัญญัติไว้ในขณะจำเลยกระทำผิด แต่เนื่องจากโจทก์ ไม่ได้ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลฎีกาจึงไม่อาจเพิ่มเติม โทษจำเลยให้ถูกต้องตามกฎหมายได้’
พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ วรรคแรก ส่วนโทษและนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์.

Share