คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5354/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้ไม้แปรรูปหน้า 3 นิ้ว กว้าง 1 นิ้ว ยาว 1 เมตรเศษ ตีทำร้ายโจทก์ร่วมขณะที่โจทก์ร่วมกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ โจทก์ร่วมเอี้ยวตัวหลบทันไม้ของกลางถูกโจทก์ร่วมที่นิ้วก้อยขวา กระดูกนิ้วก้อยหักและถูกกระจกไฟเลี้ยวขวาของรถจักรยานยนต์แตก บาดแผลของโจทก์ร่วมแพทย์ให้ความเห็นว่าสมควรพักรักษาตัวที่บ้าน 3 อาทิตย์ ดังนี้ การที่จำเลยใช้ไม้ตีโจทก์ร่วมเพียงทีเดียวโดยตีในระดับหน้าอก ไม้ที่ใช้ตีก็มิใช่อาวุธที่ร้ายแรง บาดแผลไม่ร้ายแรงสาเหตุระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยก็มิใช่สาเหตุร้ายแรงถึงกับจะต้องฆ่า จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ไม้เป็นอาวุธทำร้ายนายสมพงษ์ ขวนขวาย ผู้เสียหาย ๑ ครั้งในขณะที่ผู้เสียหายกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์โดยเจตนาฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผล ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๘๐ ริบไม้ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๘๐ ลงโทษจำคุก ๑๐ ปี ไม้ของกลางเป็นของที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำผิด ให้ริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ ลงโทษจำคุก ๑ ปี ไม้ของกลางให้ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายตามฎีกาโจทก์หรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองว่า จำเลยได้ใช้ไม้แปรรูปหน้า ๓ นิ้ว กว้างประมาณ ๑ นิ้ว ยาวประมาณ ๑ เมตรเศษ ตีทำร้ายโจทก์ร่วมขณะที่โจทก์ร่วมกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์โจทก์ร่วมเอี้ยวตัวหลบทัน ไม้ของกลางถูกโจทก์ร่วมที่นิ้วก้อยขวา กระดูกนิ้วก้อยหักและถูกกระจกไฟเลี้ยวขวารถจักรยานยนต์แตก บาดแผลของโจทก์ร่วมนั้นแพทย์ให้ความเห็นว่า สมควรพักรักษาตัวที่บ้านเป็นเวลา ๓ อาทิตย์ เห็นว่า การที่จำเลยใช้ไม้ตีโจทก์ร่วมเพียงทีเดียวเท่านั้น โดยตีในระดับหน้าอกผู้เสียหาย สำหรับไม้ที่จำเลยใช้ตีโจทก์ร่วมซึ่งมีขนาด ๓x๑ นิ้ว ยาวประมาณ ๑ เมตร ก็มิใช่เป็นอาวุธที่ร้ายแรงส่วนบาดแผลของโจทก์ร่วมก็ไม่ร้ายแรงเพียงแต่กระดูกนิ้วก้อยหัก แพทย์ผู้ตรวจชันสูตรบาดแผลให้ความเห็นว่ารักษาหายภายใน ๓ สัปดาห์ สาเหตุระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยก็เนื่องมาจากก่อนเกิดเหตุจำเลยวานให้โจทก์ร่วมไปซื้อสุรา แต่โจทก์ร่วมไม่ไปกลับพูดว่าจำเลยเป็นคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ของผู้อื่น และโจทก์ร่วมกับจำเลยไปชอบพอผู้หญิงคนเดียวกัน ซึ่งก็มิใช่สาเหตุที่ร้ายแรงถึงกับจะต้องฆ่าโจทก์ร่วม ที่โจทก์ฎีกาว่าการที่จำเลยใช้ไม้ดังกล่าวตีโจทก์ร่วมขณะที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็ว หากตีถูกบริเวณใบหน้าหรือคอเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้โจทก์ร่วมถึงแก่ความตายได้นั้น ก็เป็นเพียงการคาดหมายของโจทก์เท่านั้น เมื่อพิเคราะห์ถึงสาเหตุ พฤติการณ์แห่งคดีลักษณะบาดแผลและอาวุธที่ใช้แล้ว ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม
พิพากษายืน

Share