คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6017/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องจากบ้านเลขที่ 73 หมู่ที่ 5เป็นบ้านเลขที่ 73/1 หมู่ 5 เพื่อให้เป็นไปตามคำให้การของจำเลยเมื่อมีการชี้ สองสถาน จำเลยไม่มาศาล ศาลนัดสืบพยานจำเลย ถึงวันนัดทนายจำเลยรับสำเนาคำร้องดังกล่าวก็ไม่ได้คัดค้าน แสดงว่าคู่ความเต็ม ใจที่จะดำเนินคดีกันตามประเด็นข้อพิพาทที่ศาลได้ชี้ สองสถานไว้ไม่ต้องการให้ดำเนินกระบวนพิจารณาล่าช้าเพราะเหตุนี้ ประเด็นเรื่องแก้ไขคำฟ้องจึงยุติแล้ว แม้ว่าศาลชั้นต้นจะมิได้ส่งสำเนาคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องให้แก่จำเลยทราบล่วงหน้าอย่างน้อย3 วัน ก่อนกำหนดนัดพิจารณาคำร้องนั้นก็ตาม แต่การขอแก้ไขเลขบ้านตามคำฟ้องหาใช่การขอแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 181 ไม่ ศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบที่จะหยิบยกมาเป็นเหตุยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น หากแต่ควรจะวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยไปให้สิ้นกระแสความ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 3315 ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปางพร้อมกับบ้านเลขที่ 73/1 หมู่ 5 บนที่ดินแปลงดังกล่าว จำเลยทั้งสองอาศัยอยู่ในบ้านและที่ดินดังกล่าวแล้ว ต่อมาโจทก์ประสงค์จะทำประโยชน์ในบ้านและที่ดินจึงมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยทั้งสองขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปภายในกำหนด 10 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำบอกกล่าว มิฉะนั้นโจทก์ขอคิดค่าเสียหายวันละ 100 บาท จำเลยทั้งสองได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว แต่ยังเพิกเฉย จึงต้องชดใช้ค่าเสียหายนับแต่พ้นกำหนดตามหนังสือบอกกล่าวจนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 3 วัน วันละ 100 บาท รวมเป็นเงิน 300 บาท ขอให้ศาลพิพากษาและบังคับให้จำเลยทั้งสองพร้อมบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกจากบ้านและที่ดินแปลงดังกล่าวภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาและให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 300 บาท และต่อไปวันละ100 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกจากบ้านและที่ดิน
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์จะมีสิทธิครอบครองบ้านเลขที่ 73และที่ดินแปลงดังกล่าวหรือไม่ จำเลยทั้งสองไม่ทราบและไม่รับรองบ้านและที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นของนางปี๋ สมพะมิตร เมื่อประมาณปีพ.ศ. 2518 นางปี๋ได้อนุญาตให้จำเลยทั้งสองปลูกสร้างบ้านลงในที่ดินพิพาท เป็นบ้านเลขที่ 73/1 จำเลยทั้งสองได้สิทธิเหนือพื้นดินจากนางปี๋เป็นเวลา 13 ปีแล้ว และจะอยู่ต่อไปตลอดอายุของจำเลยทั้งสองโจทก์ไม่มีสิทธิมาฟ้องขับไล่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองพร้อมบริวารออกไปจากบ้านเลขที่ 73/1 หมู่ 5 ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปางซึ่งอยู่บนที่ดินตาม น.ส. 3 ก. เลขที่ 3315 ตำบลไหล่หินอำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ภายใน 7 วัน ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายวันละ 30 บาท ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2531เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองและบริวารจะออกไปจากบ้านและที่ดินแปลงดังกล่าว
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 181แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดีต่อไป
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 2ไม่ควรหยิบยกเรื่องโจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องมาเป็นเหตุยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยนอกประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาคม 2 ไม่ชอบนั้น เห็นว่าโจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องจากบ้านเลขที่ 73 หมู่ 5 ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคาจังหวัดลำปาง เป็นบ้านเลขที่ 73/1 หมู่ 5 ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคาจังหวัดลำปาง เพื่อให้เป็นไปตามคำให้การของจำเลย าเมื่อมีการชี้สองสถาน จำเลยไม่มาศาล ศาลนัดสืบพยานจำเลย ถึงวันนัดทนายจำเลยรับสำเนาคำร้องดังกล่าวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด แสดงว่าคู่ความเต็มใจที่จะดำเนินคดีกันตามประเด็นข้อพิพาทที่ศาลได้ชี้สองสถานไว้ไม่ต้องการให้ดำเนินกระบวนพิจารณาชล่าช้าเพราะเหตุนี้ ประเด็นเรื่องแก้ไขคำฟ้องจึงยุติแล้ว พิเคราะห์ตามรูปคดีแล้วเห็นว่าเรื่องแก้ไขคำฟ้องแม้ว่าศาลชั้นต้นจะมิได้ส่งสำเนาคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องให้แก่จำเลยทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนกำหนดนัดพิจารณาคำร้องนั้นก็ตามแต่การขอแก้ไขเลขบ้านตามคำฟ้องหาใช่การขอแก้ไขคำฟ้อง่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 181 ไม่ ศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบที่จะหยิบยกเหตุดังกล่าวมาเป็นเหตุยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ศาลอุทธรณ์ภาคม 2 ควรจะวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยไปให้สิ้นกระแสความ”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษาคดีใหม่โดยวินิจฉัยไปตามข้ออุทธรณ์ของจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้ผู้แพ้คดีในที่สุดเป็นผู้เสียแทนอีกฝ่ายหนึ่ง โดยกำหนดค่าทนายความชั้นนี้ให้ 300 บาท.

Share