คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6661/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินโฉนดพิพาทเฉพาะส่วนเนื้อที่ประมาณ 3 งาน 82 ตารางวา ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องและผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่า ผู้ร้องไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินในส่วนที่ผู้คัดค้านครอบครองอยู่เนื้อที่ 1 งาน 63 ตารางวาส่วนผู้ร้องมิได้อุทธรณ์ ดังนี้ประเด็นที่คู่ความโต้เถียงกันในชั้นอุทธรณ์คงมีเพียงตามคำขอในฟ้องอุทธรณ์ของผู้คัดค้านคือที่ดินซึ่งมีเนื้อที่เพียง 1 งาน 63 ตารางวา การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกคำร้องขอเสียทั้งหมด จึงเป็นการไม่ถูกต้องมีผลเท่ากับเป็นการพิพากษายกคำร้องขอเกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เหลือเนื้อที่ 2 งาน 19 ตารางวา ตามโฉนดเลขที่ 1382 ซึ่งยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วว่าตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องด้วย เป็นการพิพากษานอกเหนือไปจากประเด็นที่คู่ความอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ปัญหาข้อนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาแก่เสียให้ถูกต้องได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 1382 เฉพาะส่วนเนื้อที่ประมาณ6 งาน โดยการครอบครองปรปักษ์
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องนำชี้ที่ดินรุกล้ำที่ดินของผู้คัดค้านคิดเป็นเนื้อที่ 1 งาน ซึ่งผู้คัดค้านได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว ผู้ร้องหรือบุคคลอื่นใดไม่เคยคัดค้านนอกจากนี้ผู้ร้องยังนำชี้การครอบครองล้ำเข้าไปในบ่อน้ำสาธารณะเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา ซึ่งผู้คัดค้านและประชาชนในละแวกนั้นใช้น้ำในบ่อดังกล่าวร่วมกันตลอดมา ผู้ร้องจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว ขอให้ยกคำร้องขอและมีคำสั่งว่าที่ดินเฉพาะส่วนของโฉนดเลขที่ 1382 ที่ผู้คัดค้านครอบครองอยู่เป็นของผู้คัดค้าน
ศาลชั้นต้นสั่งคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้คัดค้านได้กรรมสิทธิ์ที่ดินเฉพาะส่วนนั้นไม่เกี่ยวกับผู้ร้องแต่เป็นการโต้แย้งสิทธิเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินจะต้องร้องเป็นคดีใหม่ จึงให้รับเฉพาะคำคัดค้าน คำขออื่นไม่รับ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 1382 ตามแผนที่พิพาทเอกสารหมาย ร.1 ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายออด กิมเฮง ผู้ร้องโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ 1 พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขอ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 1382 เฉพาะส่วนเนื้อที่ประมาณ 3 งาน 82 ตารางวาตามแผนที่พิพาทหมาย ร.1 ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่า ผู้ร้องไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินในส่วนที่ผู้คัดค้านครอบครองอยู่เนื้อที่ 1 งาน 63 ตารางวาส่วนผู้ร้องมิได้อุทธรณ์ ประเด็นที่คู่ความโต้เถียงกันในชั้นอุทธรณ์คงมีเพียงตามคำขอในฟ้องอุทธรณ์ของผู้คัดค้านคือที่ดินซึ่งมีเนื้อที่เพียง 1 งาน 63 ตารางวา การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกคำร้องขอเสียทั้งหมด จึงเป็นการไม่ถูกต้อง กรณีจึงต้องถือว่าทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาคือที่ดินพิพาทเนื้อที่ 1 งาน 63 ตารางวา ซึ่งมีราคาเพียง81,500 บาท ผู้ร้องฎีกาว่าที่ดินพิพาทเนื้อที่ 1 งาน 63 ตารางวาภายในกรอบเส้นสีน้ำตาลตามแผนที่พิพาทเอกสารหมาย ร.1 เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องนั้น เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
อนึ่ง คดีนี้เฉพาะที่ดินส่วนที่เหลือซึ่งคู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นอุทธรณ์มีเนื้อที่ 2 งาน 19 ตารางวาที่ดินพิพาทในส่วนนี้จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าการครอบครองที่ดินพิพาทของผู้ร้องเป็นการครอบครองแทนพี่น้องคนอื่น ๆ ด้วย ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์แต่ผู้เดียวพิพากษากลับให้ยกคำร้องขอนั้น มีผลเท่ากับเป็นการพิพากษายกคำร้องขอเกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เหลือเนื้อที่ 2 งาน 19 ตารางวาตามโฉนดเลขที่ 1382 ซึ่งยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วว่าตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องด้วยจึงเป็นการไม่ชอบ เพราะเป็นการพิพากษานอกเหนือไปจากประเด็นที่คู่ความอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ปัญหาข้อนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาแก้เสียให้ถูกต้องได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 1382 ตำบลบางวัวอำเภอบางประกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เฉพาะส่วนเนื้อที่2 งาน 19 ตารางวา ตามแผนที่พิพาทเอกสารหมาย ร.1 ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ยกฎีกาผู้ร้อง คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแทนแก่ผู้ร้อง

Share