คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1236/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีแพ่ง เมื่อคู่ความไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานภายในกำหนดหากศาลได้พิเคราะห์ถึงเหตุต่างๆ ที่อ้างในการขออนุญาตระบุพยานประกอบพฤติการณ์อย่างอื่นในสำนวน เห็นไม่สมควรอนุญาตให้ยื่นบัญชีระบุพยาน ศาลก็ไม่อนุญาต (เทียบดูกับฎีกาที่ 1034/2503)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดก

จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ไม่มีสิทธิ

ศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอนพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยแบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง

จำเลยอุทธรณ์หลายข้อ

ศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ข้อแรกของจำเลยก่อน คือ จำเลยอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานและไม่ให้จำเลยสืบพยาน ไม่ชอบศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่จำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยาน 3 วันนั้น ได้ความว่า ทนายจำเลยและตัวจำเลยอยู่ห่างไกลจากที่ตั้งของศาล การเดินทางไม่สดวกและขัดข้องดังที่จำเลยกล่าวไว้โดยละเอียดในอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยและทนายจำเลยมิได้เจตนาที่จะปฏิบัติให้ผิดกฎหมายแต่อย่างใดเป็นพฤติการณ์พิเศษที่น่าเห็นใจ ทั้งจำเลยก็ได้มีคำขอขึ้นมาก่อนวันสืบพยานโจทก์ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม สมควรรับบัญชีพยานของจำเลยและให้สืบพยานจำเลยต่อไป คดีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยถึงอุทธรณ์ข้ออื่นอีก พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับบัญชีพยานของจำเลยและดำเนินการสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามกระบวนความ

โจทก์ฎีกา ขอให้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาเห็นว่านับแต่วันชี้สองสถาน คือ วันที่ 13 ก.ค. 2502 จนถึงวันนัดสืบพยานครั้งแรก คือ วันที่ 28 ส.ค. 2502 เป็นระยะเวลาถึงเดือนครึ่งทนายจำเลยมีเวลาเป็นระยะยาวที่จะปฏิบัติการยื่นบัญชีระบุพยานได้ตามกำหนดที่กฎหมายกำหนดไว้ ข้อที่จำเลยขอยื่นบัญชีระบุพยานโดยอ้างว่าจำเลยได้ซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อมาว่าความในวันที่ 25 ส.ค. 2502 แต่ทางบริษัทงดการบินสำหรับวันนี้ ทนายจึงเดินทางมาไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า หากทนายเดินทางมาในวันที่ 25 ส.ค. 2502 ได้ ก็ไม่มีการเลื่อนการสืบพยานซึ่งกำหนดสืบในวันที่ 28 ส.ค. 2502 ฉะนั้น แม้ทนายเดินทางมาในวันที่ 25 ส.ค. 2502 ได้ ก็ปฏิบัติการยื่นบัญชีระบุพยานให้ทันก่อนวันสืบพยาน 3 วัน ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่ได้ เรื่องขอระบุพยานเมื่อพ้นกำหนดเวลาโดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสาม นี้ ได้มีฎีกาที่ 1034/2503 พิพากษาไว้เป็นบันทัดฐานว่าในทางปฏิบัติ ศาลชอบที่จะพิจารณาว่าเป็นโดยประสงค์จะเอาเปรียบในทางคดีหรือว่าพลั้งพลาดไปหาได้ประสงค์จะเอาเปรียบทางคดีไม่และการที่ไม่ระบุพยานนั้น มีทางพอจะแก้ไขไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียหายหรือไม่ สำหรับคดีนี้ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ถึงเหตุต่าง ๆ ที่ทนายจำเลยอ้างประกอบกับพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่า ไม่สมควรอนุญาตให้ทนายจำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเมื่อพ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้

จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยต่อไป แล้วพิพากษาใหม่

Share