แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องของโจทก์ ข้อ 1 กล่าวว่าจำเลยลักกระบือแต่ในฟ้อง ข้อ 2 กล่าวว่า มีผู้พบเห็นจำเลยพาโคของผู้เสียหายไป หรือทำการลักโคของผู้เสียหาย เมื่อจำเลยให้การแล้วโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้รายการทรัพย์จากกระบือเป็นโค โดยอ้างว่าพิมพ์ผิด ดังนี้ เห็นว่าไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีเพราะเป็นการขอแก้รายละเอียดซึ่งต้องแถลงในฟ้องและโจทก์ได้ขอแก้ฟ้องก่อนศาลทำการสืบพยานโจทก์ จำเลยย่อมมีโอกาสต่อสู้คดีได้เต็มภาคภูมิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร
จำเลยให้การปฏิเสธและต่อสู้ว่าตามฟ้องข้อ 1 กล่าวว่าจำเลยลักกระบือแต่ในข้อ 2 กล่าวว่า มีผู้พบเห็นจำเลยพาโคของผู้เสียหายไปหรือทำการลักโคของผู้เสียหาย ไม่รู้ว่าลักอะไรกันแน่ ซึ่งเป็นการทำให้จำเลยต่อสู้คดียาก ฟ้องของโจทก์จึงเคลือบคลุม
โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องว่า ตามฟ้องข้อ 1 บรรทัดที่ 2 ขอแก้รายการทรัพย์จาก กระบือ เป็น โค เนื่องจากพิมพ์ผิดไป จำเลยรับสำเนาแล้วแถลงว่าสุดแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร
ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องได้
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์ขอแก้คำว่า “กระบือ” ในฟ้องข้อ 1 เป็น “โค” นี้ ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี เพราะเป็นการขอแก้รายละเอียดซึ่งต้องแถลงในฟ้อง ทั้งโจทก์ได้ร้องขอแก้ฟ้องก่อนศาลทำการสืบพยานโจทก์จำเลยย่อมมีโอกาสต่อสู้คดีได้เต็มภาคภูมิ โจทก์จึงขอแก้ฟ้องได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164 พิพากษายืน