แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฎีกาว่า วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม โจทก์ไม่ได้มาศาล ทนายโจทก์กับจำเลยคบคิดกันฉ้อฉลทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ยกที่ดินพร้อมบ้านซึ่งเป็นสินส่วนตัวของโจทก์ให้แก่ จ. อันเป็นการขัดกับเจตนาแท้จริงของโจทก์ ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวไม่ปรากฏว่าฝ่ายจำเลยได้ฉ้อฉลโจทก์อย่างไร ส่วนข้อกล่าวอ้างของโจทก์ที่ว่า ทนายโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยไม่ตรงตามเจตนาอันแท้จริงของโจทก์นั้น แม้จะฟังว่าเป็นความจริงก็เป็นความผิดของทนายโจทก์เอง หาใช่เป็นการฉ้อฉลของฝ่ายจำเลยไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากัน มีบุตรด้วยกัน ๑ คน จำเลยประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง หาเรื่องทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายโจทก์ ต่อมาจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ ไม่ส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์และบุตร จำเลยฟ้องนายยงยุทธกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนหย่ากับโจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยใช้ค่าทดแทนจำนวน ๔๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่ามิได้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง มิได้จงใจทิ้งร้างโจทก์ การที่จำเลยมิได้อยู่ร่วมกับโจทก์เพราะโจทก์มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนายยงยุทธ จำเลยอุปการะเลี้ยงดูบุตรตลอดมา โจทก์มีรายได้พอเลี้ยงตนเองไม่เดือดร้อน จำเลยมิได้กระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยา ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่เสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นคู่ความตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยโจทก์ยินยอมโอนโฉนดที่ดินเนื้อที่๑๕๔ ตารางวาพร้อมบ้าน ให้แก่บุตรของโจทก์จำเลย และจำเลยยินยอมไปจดทะเบียนหย่าภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่โจทก์จดทะเบียนโอนที่ดินให้บุตร ศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
โจทก์อุทธรณ์ว่า สัญญาประนีประนอมยอมความขัดกับเจตนาอันแท้จริงของโจทก์และมีการคบคิดกันฉ้อฉลโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม โจทก์ไม่ได้มาศาล ทนายโจทก์กับจำเลยคบคิดกันฉ้อฉล ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ยกที่ดินพร้อมบ้านซึ่ง เป็นสินส่วนตัวของโจทก์ให้แก่เด็กชายจตุพร อันเป็นการขัดกับเจตนาแท้จริงของโจทก์นั้น เห็นว่าตามฎีกาของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าฝ่ายจำเลยได้ฉ้อฉลโจทก์อย่างไรข้อกล่าวอ้างของโจทก์ที่ว่า ทนายโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยไม่ตรงตามเจตนาอันแท้จริงของโจทก์นั้น แม้จะฟังว่าเป็นความจริงก็เป็นความผิดของทนายโจทก์เอง หาใช่เป็นการฉ้อฉลของฝ่ายจำเลยไม่
พิพากษายืน.