คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้ามรดกกู้เงินโจทก์ แล้วถึงแก่ความตายลงโดยยังมิได้ชำระหนี้ โจทก์เพิ่งฟ้องทายาทเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี นับแต่เมื่อได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก สิทธิเรียกร้องของโจทก์ย่อมขาดอายุความฟ้องร้อง
นอกจากข้อต่อสู้ซึ่งผู้ค้ำประกันมีต่อเจ้าหนี้แล้ว ผู้ค้ำประกันอาจยกข้อต่อสู้ทั้งหลายซึ่งลูกหนี้มีต่อเจ้าหนี้ขึ้นต่อสู้ได้ด้วย ดังนั้น เมื่อสิทธิเรียกร้องของโจทก์ซึ่งมีต่อลูกหนี้ขาดอายุความแล้ว ผู้ค้ำประกันก็ย่อมยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ได้
สัญญาค้ำประกันที่มีข้อความว่า ถ้าผู้กู้ไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้ตามสัญญาหรือผู้กู้ถึงแก่กรรม หรือหนี้ระงับด้วยเหตุหนึ่งเหตุใดซึ่งกระทำให้ผู้ให้กู้ต้องขาดสูญต้นเงินหรือดอกเบี้ย ผู้ค้ำประกันยอมรับผิดชอบชำระหนี้ให้แทนทั้งสิ้นนั้น ยังแปลไม่ได้ว่า แม้เมื่อหนี้เงินกู้ขาดอายุความแล้ว ผู้ค้ำประกันก็ยอมสละสิทธิไม่ยกอายุความขึ้นต่อสู้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายนิทัศน์ แปลงเงิน สามีจำเลยที่ ๑ และบิดาจำเลยที่ ๒, ๓, ๔ ได้กู้เงินโจทก์ไป ๑๕,๐๐๐ บาท สัญญาให้ดอกเบี้ยชั่งละ ๑ บาทต่อเดือน จำเลยที่ ๕ เป็นผู้ค้ำประกัน ครบกำหนดแล้วไม่เคยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยเลย ต่อมานายนิทัศน์ตาย โจทก์ทวงถาม จำเลยก็ไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ – ๔ ชำระต้นเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย หากไม่ชำระ ให้จำเลยที่ ๕ ชำระแทน
จำเลยต่อสู้ไม่รับรองสัญญา และว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นฟังว่า นายนิทัศน์กู้เงินโจทก์จริงตามฟ้อง โดยจำเลยที่ ๕ เป็นผู้ค้ำประกัน โจทก์เพิ่งทราบการตายของนายนิทัศน์ก่อนฟ้องไม่เกิน ๑ ปี ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ – ๔ ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามฟ้อง หากไม่ชำระ ให้จำเลยที่ ๕ ชำระแทน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์ทราบการตายของนายนิทัศน์มาก่อนฟ้องเกิน ๑ ปี คดีขาดอายุความ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ทราบการตายของนายนิทัศน์ก่อนฟ้องเกิน ๑ ปี คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม
มีปัญหาว่า จำเลยที่ ๕ ผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อหนี้ตามสัญญากู้ขาดอายุความแล้ว ลูกหนี้อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๙๔ บัญญัติว่า นอกจากข้อต่อสู้ซึ่งผู้ค้ำประกันมีต่อเจ้าหนี้นั้น ท่านว่าผู้ค้ำประกันยังอาจยกข้อต่อสู้ทั้งหลายซึ่งลูกหนี้มีต่อเจ้าหนี้ขึ้นต่อสู้ได้ด้วย ดังนั้น เมื่อสิทธิเรียกร้องของโจทก์ซึ่งมีต่อลูกหนี้ขาดอายุความแล้ว จำเลยที่ ๕ ผู้ค้ำประกันจึงอาจยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ได้
ที่โจทก์ฎีกาว่า สัญญาค้ำประกันมีความว่า “ถ้าผู้กู้ไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้ตามสัญญา หรือผู้กู้ถึงแก่กรรมหรือหนี้ระงับด้วยเหตุหนึ่งเหตุใด ซึ่งกระทำให้ผู้ให้กู้ขาดสูญต้นเงินหรือดอกเบี้ย ผู้ค้ำประกันยอมรับผิดชอบชำระหนี้แทนให้ทั้งสิ้น” ซึ่งหมายความว่า ผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดไม่ว่าหนี้จะขาดอายุความแล้วหรือไม่ก็ตามนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อความในสัญญาหาได้กล่าวว่า เมื่อหนี้เงินกู้ขาดอายุความแล้ว ผู้ค้ำประกันยอมสละสิทธิไม่ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไม่
พิพากษายืน.

Share