คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 724/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ที่จะฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นจำเลยในโรงศาลนั้นจะต้องเป็นบุคคลโดยเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลตาม ก.ม.
รัฐบาลไม่เป็นนิติบุคคลตาม ก.ม.จึงเป็นคู่ความไม่ได้
ศาลสั่งในคำฟ้องโจทก์ว่าไม่เป็นฟ้องที่จะรับไว้พิจารณา เมื่อโจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งเช่นนี้เสียค่าขึ้นศาล 20 บาท ตาม 2 ข. แห่งตาราง 1 ต่อท้าย ป.วิ.แพ่ง ไม่ใช่ว่าจะต้องเสียตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ตั้งมาในคำฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้รัฐบาลใช้ค่าเสียหายในการที่ทรัพย์ของโจทก์ถูกระเบิดในระหว่างสงคราม
ศาลแพ่งสั่งในคำฟ้องว่า “ตาม ป.วิ.แพ่ง ม. ๑(๑๑) คู่ความต้องเป็นบุคคลและตาม ป.พ.พ.ม. ๗๓ ทะบวงการเมืองที่เป็นนิติบุคคลนั้นคือกระทรวงและกรมในรัฐบาล ที่โจทก์ขอให้เรียกรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นจำเลยนั้น รัฐบาลหาใช่นิติบุคคลตาม ก.ม.ไม่ ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่จะรับไว้ จึงให้ยกเสียค่าธรรมเนียมให้เป็นพับ เว้นแต่คำบังคับ” ลงนามผู้พิพากษา ๒ นาย
โจทก์อุทธรณ์และเสียค่าขึ้นศาล ๒๐ บาท ศาลแพ่งสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเต็มตามทุนทรัพย์ โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาเสียตามจำนวนทุนทรัพย์แล้วอุทธรณ์ในเรื่องค่าธรรมเนียมนี้ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ที่จะฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นจำเลยในโรงศาลนั้นจะต้องเป็นบุคคล ซึ่งมีอยู่ ๒ ชะนิดคือบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลแต่ที่จะเป็นนิติบุคคลได้ ก็แต่ด้วยอาศัยอำนาจแห่งบทบัญญัติทั้งหลายของ ก.ม. (ป.พ.พ.ม. ๖๘) ทะบวงการเมืองคือกระทรวงและกรมในรัฐบาล เทศาภิบาลปกครองท้องที่และประชาบาลทั้งหลายเป็นนิติบุคคลจำนวนหนึ่ง (ป.พ.พ.ม. ๗๒ – ๗๓) หน่วยราชการหรือสาธารณะการหรือองค์การอื่นใดจะเป็นนิติบุคคลได้ก็แต่โดยที่ ก.ม.อื่นบัญญัติไว้ ฉะนั้นคำว่ารัฐบาล จึงไม่เป็นนิติบุคคลตาม ป.พ.พ. และตาม ก.ม. อื่นก็ไม่ปรากฎว่าได้มีบทบัญญัติในที่ได้บัญญัติให้รัฐบาลเป็นนิติบุคคล จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ในข้อที่ไม่รับฟ้องโจทก์
ส่วนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกานั้นเห็นว่า ตามคำสั่งของศาลแพ่งแสดงชัดอยู่ว่า ศาลยังไม่ได้สั่งให้รับคำฟ้องโจทก์ ในชั้นตรวจคำฟ้องหรือคำคู่ความนั้น ศาลอาจทำได้ ๓ ประการคือสั่งรับ สั่งไม่รับ และสั่งให้คืน ไปเท่านั้น คำสั่งของศาลแพ่งเป็นคำสั่งให้ยกเสียตาม ป.วิ.แพ่ง ม. ๑๗๒ ซึ่งมีผลเป็นเช่นเดียวกับคำสั่งไม่รับคำคู่ความตาม ม. ๑๘ โจทก์อุทธรณ์ได้โดยเสียค่าขึ้นศาลแต่เพียง ๒๐ บาท ตามอัตราพิเศษใน ๒ ข. แห่ง ตาราง ๑ ต่อท้าย ป.วิแพ่ง จึงพิพากษาแก้โดยให้เรียกค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์แต่เพียง ๒๐ บาท และคืนค่าขึ้นศาลที่โจทก์เสียเกินมาในชั้นฎีกานี้ ให้โจทก์ไปด้วย ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นในชั้นนี้ให้เป็นพับไป

Share