แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีวัตถุแห่งการกระทำความผิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตในวาระเดียวกันและจับได้พร้อมกันแม้วัตถุแห่งการกระทำความผิดต่างชนิดกันแต่ต่างก็เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนจึงเป็นความผิดต่อบทกฎหมายมาตราเดียวกันตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518มาตรา6,62วรรคหนึ่ง,106วรรคหนึ่งจึงต้องลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนเพียงกรรมเดียว ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 จำนวน 36 เม็ด และมีอีเฟดรีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 จำนวน 3 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 62, 106 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 62, 106ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 การกระทำเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำคุก 3 ปี ฐานมีอีเฟดรีน จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพนับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี พิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นจำนวนมากถึง 36 เม็ด และยังมีอีเฟดรีนไว้ในครอบครองอีกด้วย ซึ่งเป็นพฤติการณ์อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นได้ จึงไม่มีเหตุรอการลงโทษจำเลย
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา62 วรรคหนึ่ง, 106 วรรคหนึ่ง จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีน จำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท และฐานมีอีเฟดรีนจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท รวมจำคุก 2 ปี ปรับ 40,000 บาทจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปีปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี และให้คุมประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำคุก 3 ปี ฐานมีอีเฟดรีนจำคุก 1 ปี รวมจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปีศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษจำคุกจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีน 1 ปี ปรับ 20,000 บาท ฐานมีอีเฟดรีนจำคุก 1 ปีปรับ 20,000 บาท รวมจำคุก 2 ปี ปรับ 40,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก1 ปี ปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี และให้คุมประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง ดังนี้แม้เป็นการแก้ไขมาก แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ลงโทษจำคุกแต่ละกรรมไม่เกิน 2 ปี จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยไม่รอการลงโทษจำเลยเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค 3 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย อย่างไรก็ตามเห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท และฐานมีอีเฟดรีนจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท รวมจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี นั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีวัตถุแห่งการกระทำความผิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตในวาระเดียวกันและจับได้พร้อมกัน แม้วัตถุแห่งการกระทำความผิดต่างชนิดกัน แต่ต่างก็เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนจึงเป็นความผิดต่อบทกฎหมายมาตราเดียวกันตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 มาตรา 6, 62 วรรคหนึ่ง, 106 วรรคหนึ่ง จึงต้องลงโทษจำเลย ฐานมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนเพียงกรรมเดียว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนเป็น 2 กรรมจึงไม่ชอบ ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง,106 วรรคหนึ่ง ฐานมีเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีน จำคุก 1 ปี ปรับ20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง จำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3