คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลแขวงอนุญาตให้โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ โดยผู้พิพากษาที่พิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งว่าอุทธรณ์โจทก์ทั้งสองมีเหตุอันควรอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ จึงรับรองให้อุทธรณ์ คำสั่งดังกล่าวไม่ปรากฏว่ามีข้อใดที่ผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นพิเคราะห์เห็นว่า ข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์และอนุญาตให้อุทธรณ์ได้ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 ทวิ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 83 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นสั่งในคำร้องว่า อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองมีเหตุอันควรอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ จึงรับรองให้อุทธรณ์ และมีคำสั่งในอุทธรณ์ให้รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่า อุทธรณ์โจทก์ทั้งสองมีเหตุอันควรอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ จึงรับรองให้อุทธรณ์นั้น เป็นคำสั่งอนุญาตที่ไม่ครบองค์ประกอบตามกฎหมายเพราะมิได้แสดงเหตุผลให้ปรากฏในคำสั่งว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์แต่ประการใดถือไม่ได้ว่าผู้พิพากษาศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับวินิจฉัย พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีโจทก์ทั้งสองต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ. 2499 แต่คู่ความสามารถอุทธรณ์ได้เมื่อได้ดำเนินการตามมาตรา 22 ทวิ ซึ่งบัญญัติว่า “ในคดีซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 22 ถ้าผู้พิพากษาคนใดซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้งในศาลแขวงพิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์และอนุญาตให้อุทธรณ์ หรืออธิบดีกรมอัยการ หรือพนักงานอัยการซึ่งอธิบดีกรมอัยการได้มอบหมายลงลายมือชื่อรับรองในอุทธรณ์ว่ามีเหตุอันควรที่ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัย ก็ให้รับอุทธรณ์นั้นไว้พิจารณาต่อไป”ในคดีนี้โจทก์ทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ โดยผู้พิพากษาที่พิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งว่า อุทธรณ์โจทก์ทั้งสองมีเหตุอันควรอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ จึงรับรองให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวไม่ปรากฏว่ามีข้อใดที่ผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นพิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์และอนุญาตให้อุทธรณ์ได้ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยมาตรา 22 ทวิ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share