คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5326-5327/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

วิธีพิจารณาคดีแรงงานเป็นระบบไต่สวนซึ่งศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องได้ และ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานฯ พ.ศ. 2522 มาตรา 45 วรรคหนึ่ง ก็บัญญัติให้อำนาจศาลแรงงานว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมในอันจะให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดี ศาลแรงงานมีอำนาจที่จะเรียกพยานหลักฐานมาสืบได้เองตามที่เห็นสมควร การที่ศาลแรงงานฟังว่าโจทก์ที่ 2 มีค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 24,000 บาท โดยฟังจากคำเบิกความโจทก์ที่ 2 ประกอบเอกสารหนังสือแจ้งผ่านการทดลองงานที่โจทก์อ้างในบัญชีระบุพยาน แต่นำส่งศาลเป็นเวลาภายหลังโจทก์จำเลยสืบพยานเสร็จแล้ว ก็ถือว่าศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวได้โดยชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน โดยให้เรียกโจทก์ว่าโจทก์ที่ 1 และที่ 2 ตามลำดับ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด ค่าจ้างค้างจ่าย และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ทั้งสองตามฟ้องแต่ละสำนวน
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ตามบัญชีท้ายคำพิพากษาแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสองสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ที่ 2 ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 24,000 บาท โดยรับฟังจากพยานหลักฐานในหนังสือแจ้งผ่านการทดลองงานลงวันที่ 6 กันยายน 2545 ที่ระบุว่าจำเลยปรับเงินเดือนให้โจทก์ที่ 2 จากเดือนละ 23,000 บาท เป็น 24,000 บาท ซึ่งจะมีผลในวันที่ 21 มีนาคม 2544 นั้น หนังสือแจ้งผ่านการทดลองงานมิใช่พยานเอกสารที่มีการนำสืบในชั้นพิจารณาคดี แต่เป็นเอกสารที่มีกล่าวอ้างขึ้นภายหลังที่สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว ทั้งไม่ได้อ้างเอกสารดังกล่าวในบัญชีระบุพยานของโจทก์ที่ 2 ในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางดังกล่าวเป็นการไม่ชอบเพราะทำให้จำเลยเสียเปรียบไม่อาจถามค้านหรือนำสืบคัดค้านการมีอยู่และความถูกต้องที่แท้จริงแห่งเอกสารได้ เห็นว่า วิธีพิจารณาคดีแรงงานเป็นระบบไต่สวนซึ่งศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องได้ แม้คู่ความจะมิได้อ้างหรือระบุพยานหลักฐานไว้ และ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 45 วรรคหนึ่ง ก็บัญญัติว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมในอันที่จะให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดี ให้ศาลแรงงานมีอำนาจเรียกพยานหลักฐานมาสืบได้เองตามที่เห็นสมควร ดังนี้ การที่ศาลแรงงานกลางรับฟังว่าโจทก์ที่ 2 มีค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 24,000 บาท โดยฟังจากคำเบิกความโจทก์ที่ 2 ประกอบเอกสารหนังสือแจ้งผ่านการทดลองงาน ซึ่งโจทก์ที่ 2 อ้างไว้ในบัญชีระบุพยานโจทก์แล้วเพียงแต่อ้างส่งศาลเป็นเวลาภายหลังโจทก์จำเลยสืบพยานเสร็จแล้วก็ตาม กรณีย่อมถือว่าศาลแรงงานกลางรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอโจทก์ทั้งสองเกี่ยวกับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง.

Share