คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6957/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามสัญญาขายลดตั๋วเงินจำเลยให้การว่าได้นำเช็คของบริษัทบ. ไปขายแก่โจทก์จริง แต่รับเงินมาไม่ครบทุกฉบับ และอย่างไรก็ตามการทำสัญญาขายลดตั๋วเงินกับโจทก์นั้นจำเลยทำในฐานะตัวแทนของ ธ. โดยโจทก์ทราบดีอยู่แล้วจึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว ดังนี้ คำให้การของจำเลยเป็นการปฏิเสธความสมบูรณ์ของสัญญาเพราะยังรับเงินไปไม่ถูกต้องส่วนที่จำเลยอ้างว่าเป็นตัวแทนของ ธ. ก็เป็นการปฏิเสธความรับผิดของจำเลยอีกประการหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับประการแรก คำให้การของจำเลยจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177วรรคสอง แล้วหาขัดแย้งกันไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาขายลดตั๋วเงินกับโจทก์ มีข้อสัญญาว่าหากโจทก์เรียกเก็บเงินตามตั๋วเงินที่จำเลยนำไปขายลดให้แก่โจทก์ไม่ได้จำเลยยอมรับผิดชำระเงินตามตั๋วเงินนั้นพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 18.5 ต่อปี ให้แก่โจทก์หลังจากนั้นจำเลยได้นำเช็คไปขายลดให้แก่โจทก์หลายฉบับ โจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้จำนวน 9 ฉบับ โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบแล้วจำเลยไม่ยอมชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยตามที่ตกลงไว้แก่โจทก์ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 2,161,189 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 18.5 ต่อปีของต้นเงิน 2,060,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปถึงวันชำระเงินเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง การทำสัญญาขายลดตั๋วเงินกับโจทก์จำเลยทำในฐานะตัวแทนของห้างหุ้นส่วนจำกัดธ.เชี่ยวเชิงชลโดยโจทก์ทราบดีอยู่แล้วจึงไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวขอให้ยกฟ้อง
เดิมศาลชั้นต้นชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาท 4 ข้อต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนประเด็นข้อ 2 และข้อ 4 เนื่องจากเห็นว่าจำเลยให้การขัดกัน คงเหลือเฉพาะประเด็นข้อ 1 และข้อ 3และกำหนดให้โจทก์นำสืบก่อนสำหรับประเด็นที่เหลือ
จำเลยยื่นคำคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 2,160,589 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 18.5 ต่อปี ของต้นเงิน 2,060,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนถึงวันชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยให้การในข้อ 3 ว่า จำเลยได้นำเช็คของบริษัทบี บอย จำกัด ไปขายลดให้แก่โจทก์และได้ทำสัญญาขายลดตั๋วเงินไว้กับโจทก์จริง แต่สัญญาการขายลดตั๋วเงินทั้ง 7 ฉบับยังไม่สมบูรณ์เพราะจำเลยยังไม่ได้รับเงินไปถูกต้องครบถ้วน โจทก์ไม่มีสิทธิหักดอกเบี้ยไว้ก่อนและอัตราดอกเบี้ยสูงกว่ากฎหมายกำหนดและจำเลยให้การในข้อ 5 ว่าอย่างไรก็ตาม การทำสัญญาขายลดตั๋วเงินดังกล่าว จำเลยกระทำไปในฐานะตัวแทนของห้างหุ้นส่วนจำกัดธ. เชี่ยวเชิงชล โดยโจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญาทราบดีอยู่แล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวตามกฎหมายว่าด้วยตัวแทน ดังนี้ เห็นว่าคำให้การของจำเลยในข้อ 3 ดังกล่าวเป็นการปฏิเสธความสมบูรณ์ของสัญญาโดยอ้างว่าโจทก์ยังไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาเพราะจำเลยยังไม่ได้รับเงินไปถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาขายลดตั๋วเงินส่วนในข้อ 5 นั้น จำเลยก็ปฏิเสธความรับผิดอีกว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัวเพราะจำเลยกระทำในฐานะตัวแทนของห้างหุ้นส่วนจำกัด ธ. เชี่ยวเชิงชล โดยโจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญาทราบดีอยู่แล้ว จึงเป็นคนละเรื่องกับคำให้การในข้อ 3 ซึ่งหากข้อเท็จจริงฟังได้ดังที่จำเลยให้การต่อสู้ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ คำให้การของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการแสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์รวมทั้งเหตุแห่งการนั้นชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสองหาได้ขัดแย้งกันไม่
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยในประเด็นข้อ 2 และข้อ 4 ให้สิ้นกระแสความเสียก่อนแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share