แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา18ให้สิทธิแก่บุคคลผู้เป็นเจ้าของนามอันชอบที่จะใช้ได้ที่ต้องเสื่อมเสียประโยชน์เพราะการที่บุคคลอื่นมาใช้นามเดียวกันโดยมิได้รับอนุญาตให้ใช้ในอันที่จะเรียกให้บุคคลอื่นนั้นระงับความเสียหายได้ถ้าและพึงวิตกว่าจะต้องเสียหายอยู่สืบไปจะร้องขอต่อศาลให้สั่งห้ามก็ได้โจทก์ใช้ชื่อ”โตราย่า”มาตั้งแต่ปี2496แม้โจทก์จะเลิกผลิตน้ำผลไม้มานาน4ปีแล้วแต่โจทก์ก็ยังให้คนอื่นผลิตโดยใช้ชื่อโจทก์ฉะนั้นการที่จำเลยทั้งสี่ใช้ชื่อ”โตราย่า”ของโจทก์โดยโจทก์ไม่อนุญาตจึงเป็นเจตนาแสวงหาผลประโยชน์จากชื่อของโจทก์ทำให้ลูกค้าของโจทก์สับสนว่าโจทก์เกี่ยวข้องกับจำเลยที่1หรือจำเลยที่1เป็นสาขาของโจทก์ในประเทศไทยโจทก์จึงมีสิทธิห้ามจำเลยที่1ระงับการใช้ชื่อ”โตราย่า”ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกับส่งมอบเครื่องจักรผลิตน้ำผลไม้พร้อมอุปกรณ์ของโจทก์คืนในสภาพที่เรียบร้อย ใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้ราคาเป็นเงิน9,000,000 บาท ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าขาดประโยชน์4,800,000 บาท กับค่าเสียหายอีกเดือนละ 100,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบเครื่องจักรพร้อมอุปกรณ์คืนหรือชดใช้ราคาเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 1 ระงับการใช้ชื่อ “TORAYA”และคำในภาษาไทยว่า “โตราย่า” ให้นายทะเบียนหุ้นส่วนและบริษัทถอนชื่อคำว่า “TORAYA” และ “โตราย่า” ออกจากชื่อจำเลยที่ 1ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายคิดถึงวันฟ้อง 100,000 บาทและถัดจากวันฟ้องเดือนละ 100,000 บาท จนกว่าจำเลยทั้งสี่จะเลิกใช้ชื่อโจทก์
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า เครื่องจักรผลิตน้ำผลไม้พร้อมอุปกรณ์โจทก์ไม่ใช่เจ้าของโจทก์เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนไว้ในประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์ชื่อของโจทก์ไว้ในประเทศไทยโจทก์จึงไม่มีสิทธิห้ามจำเลยที่ 1 ใช้ชื่อบริษัทไทยโตราย่าจำกัด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันคืนเครื่องจักรพร้อมอุปกรณ์ตามฟ้องในสภาพใช้ผลิตสินค้าได้ ถ้าไม่คืนให้ใช้เงิน9,000,000 บาท ให้ร่วมกันใช้ค่าขาดประโยชน์ที่โจทก์ไม่ได้ใช้ทรัพย์ 960,000 บาท และอีกเดือนละ 20,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสี่จะคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แต่ไม่เกิน 2 ปีนับจากวันฟ้องให้จำเลยที่ 1 ระงับการใช้ชื่อคำว่า “TORAYA” และภาษาไทยคำว่า “โตราย่า” เป็นชื่อของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์คิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 10,000 บาทและค่าเสียหายถัดจากวันฟ้องเป็นรายเดือน เดือนละ 10,000 บาทและจนกว่าจำเลยที่ 1 จะระงับการใช้ชื่อคำว่า “TORAYA” และภาษาไทยคำว่า “โตราย่า” เป็นชื่อจำเลยที่ 1
โจทก์และจำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาข้อสุดท้ายว่า โจทก์มีสิทธิห้ามจำเลยที่ 1 ใช้ชื่อคำว่า “โตราย่า” หรือไม่ และค่าเสียหายเท่าใดข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2496 ประกอบธุรกิจผลิตน้ำผลไม้และขนมต่าง ๆเมื่อโจทก์ตกลงร่วมทุนกับนายวิชัย โจทก์อนุญาตให้นายวิชัยจดทะเบียนนิติบุคคลผลิตน้ำผลไม้แล้ว ส่วนใหญ่ส่งไปขายให้แก่ลูกค้าของโจทก์ในต่างประเทศ โดยโจทก์ยอมให้นายวิชัยใช้ชื่อโตราย่าของโจทก์ ก่อนฟ้องโจทก์แจ้งให้จำเลยที่ 1 และที่ 2ระงับการใช้คำว่า “โตราย่า” ของโจทก์แล้ว เห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 18 บัญญัติให้สิทธิแก่บุคคลผู้เป็นเจ้าของนามอันชอบที่จะใช้ได้ที่ต้องเสื่อมเสียประโยชน์เพราะการที่บุคคลอื่นมาใช้นามเดียวกันโดยมิได้รับอนุญาตให้ใช้ในอันที่จะเรียกให้บุคคลอื่นนั้นระงับความเสียหายได้ ถ้าและพึงวิตกว่าจะต้องเสียหายอยู่สืบไป จะร้องขอต่อศาลให้สั่งห้ามก็ได้ โจทก์ใช้ชื่อ “โตราย่า” มาตั้งแต่ปี 2496 แม้โจทก์จะเลิกผลิตน้ำผลไม้มานาน 4 ปีแล้ว แต่โจทก์ก็ยังให้คนอื่นผลิตโดยใช้ชื่อโจทก์ จึงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสี่มีเจตนาแสวงหาประโยชน์จากชื่อของโจทก์ ทำให้ลูกค้าของโจทก์สับสนว่าโจทก์เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 1 เป็นสาขาของโจทก์ในประเทศไทยโจทก์มีสิทธิห้ามจำเลยที่ 1 ระงับการใช้ชื่อ “โตราย่า” ได้ส่วนค่าเสียหายในส่วนหนี้ เห็นว่า ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเดือนละ 10,000 บาท เหมาะสมแล้ว ฎีกาของโจทก์และจำเลยทั้งสี่สำหรับข้อนี้ต่างฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าขาดประโยชน์เดือนละ 20,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสี่จะคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์