แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
จำเลยที่5ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งรับคำให้การอ้างเหตุว่าตนมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การพร้อมกับยื่นคำให้การมาด้วยโดยยื่นมาก่อนที่ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า’ขยายระยะเวลาไม่ได้เพราะการขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การต้องขอก่อนสิ้นระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23จำเลยมายื่นวันนี้พ้นกำหนด8วันแล้วทั้งไม่ปรากฏเหตุสุดวิสัยให้ยกคำร้อง’คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งยกคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การมิใช่คำสั่งไม่รับคำให้การอันถือเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา18จึงเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาก่อนที่ศาลชั้นต้นจะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในระหว่างพิจารณาคดีตามมาตรา226(1).
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งเจ็ดให้ร่วมกันชดใช้ค่าน้ำมันที่เจ้าหน้าที่บริหารงานสถานีบริการน้ำมันของโจทก์เบียดบังไป จำเลยที่ 5 ยื่นคำให้การเมื่อพ้น 8 วันนับแต่วันที่มีผู้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้องไว้แทนและจำเลยที่ 5 ได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 14 มกราคม 2528 ขอให้ศาลชั้นต้นรับคำให้การโดยอ้างว่า เมื่อเจ้าพนักงานศาลนำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 5 เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2527 โดยมีผู้รับไว้แทน ขณะนั้นจำเลยที่ 5 ไม่ได้อยู่ที่สำนักงานเทศบาล ต่อมาจึงได้นำหมายเรียกมาให้เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2528โดยแจ้งว่าเป็นการปิดหมาย จำเลยที่ 5 จึงได้นำคำให้การมายื่นในวันที่ 14 มกราคม2528 มิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าขยายระยะเวลาให้ไม่ได้ เพราะการขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การต้องขอก่อนสิ้นระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 จำเลยที่ 5 มายื่นเมื่อพ้นกำหนดแปดวันแล้วทั้งไม่ปรากฏว่ามีเหตุสุดวิสัยให้ยกคำร้อง จำเลยที่ 5 อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 5 จำเลยที่ 5 ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เมื่อสิ้นสุดระยะเวลายื่นคำให้การแล้ว จำเลยที่ 5ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งรับคำให้การโดยอ้างเหตุว่าจำเลยที่ 5 มิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การพร้อมกับยื่นคำให้การต่อศาลด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า “ขยายระยะเวลาให้ไม่ได้เพราะการขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การต้องขอก่อนสิ้นระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 จำเลยมายื่นวันนี้พ้นกำหนด8 วันแล้ว ทั้งไม่ปรากฏเหตุสุดวิสัย ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ” ปัญหาวินิจฉัยมีว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 หรือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งยกคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การของจำเลยที่ 5มิใช่คำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลยที่ 5 อันถือเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จึงเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาก่อนที่ศาลชั้นต้นจะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในระหว่างพิจารณาคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226(1) ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ชอบแล้ว พิพากษายืน