คำสั่งคำร้องที่ 16-17/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 และ ที่ 2 ฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ อำนาจที่จะสั่งยกเลิก คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ จึงเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ จำเลยไม่มีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลอุทธรณ์ไปยังศาลฎีกาได้ไม่รับฎีกาคำสั่งของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองเห็นว่า คำสั่งของศาลอุทธรณ์เรื่องยกเลิกคำสั่ง คุ้มครองชั่วคราวหรือไม่นั้นเป็นคำสั่งที่เกี่ยวด้วยคำขอเพื่อ คุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณา ซึ่งคู่ความมีสิทธิ ที่จะอุทธรณ์ฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228 และมาตรา 247 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาคำสั่งของจำเลยทั้งสอง ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 8)
คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันสองสำนวน แล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชำระเงินให้โจทก์รวมสองสำนวน เป็นเงินทั้งสิ้น 25,766,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ เจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงิน 500,000 บาท นับแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2528 และของต้นเงิน 25,266,000 บาท นับแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2528 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 25922 และอาคารชุด 76 ห้องชุดในที่ดินโฉนดเลขที่ 25914 ตำบลบางบำหรุอำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ที่จำนองไว้ออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์ หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1ที่ 2 เอาชำระหนี้โจทก์จนครบ คำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก กับให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 ในสำนวนหลัง
โจทก์และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ต่างอุทธรณ์ เฉพาะโจทก์ยื่นคำร้อง ขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า กรณีไม่ใช่ เรื่องขอทุเลาการบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 แต่พอแปลได้ว่าเป็นเรื่องขอให้คุ้มครองประโยชน์ ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 พิเคราะห์แล้วเห็นเป็นการสมควร จึงให้งดการไถ่จำนองทรัพย์ที่ เป็นประกันหนี้ในจำนวนเงินตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้ในระหว่าง อุทธรณ์
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โดยจำเลยจะขอไถ่ถอนอาคารชุดที่จำนองตาม คำพิพากษาของศาลชั้นต้น และขอวางเงินหรือหลักประกันเพิ่มขึ้นอีก ให้เท่ากับจำนวนหนี้ที่โจทก์ฟ้องหรือตามที่ศาลเห็นสมควร
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า พิเคราะห์คำร้องของ จำเลยทั้งสองแล้วเห็นว่ายังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะให้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ ของโจทก์ได้ จึงให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 2)
จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 5)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ ศาลอุทธรณ์ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โดยจำเลยจะขอไถ่ถอน อาคารชุดที่จำนองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและขอวางเงินหรือหลักประกันเพิ่มขึ้นอีกให้เท่ากับจำนวนหนี้ที่โจทก์ฟ้องหรือ ตามที่ศาลเห็นสมควร นั้นเป็นคำร้องอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อ คุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยมีสิทธิฎีกาได้ตามมาตรา 228(2),247ให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไว้ดำเนินการต่อไป

Share