แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประกาศกระทรวงมหาดไทยกำหนดเขตอำนาจการรับผิดชอบและเขตพื้นที่การปกครองของหน่วยราชการกรมตำรวจลงวันที่ 14 สิงหาคม 2493 กำหนดให้กองบังคับการกองตรวจมีเขตอำนาจรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตลอดเขตพื้นที่จังหวัดพระนครและธนบุรีนั้น มิใช่เป็นกฎหมายอันจะถือได้ว่า ทุกคนจำต้องทราบอย่างกฎหมาย แต่เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องนำสืบให้ทราบ เมื่อจำเลยคัดค้านว่านายตำรวจผู้สอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวน จึงเป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบแสดงว่า นายตำรวจผู้สอบสวนมีอำนาจสอบสวนเมื่อไม่นำสืบก็ยังฟังไม่ได้ว่า ได้มีการสอบสวนโดยชอบด้วยวิธีพิจารณาความอาญาแล้ว จึงต้องบทห้ามมิให้อัยการฟ้องคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 288, 293 และขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479
จำเลยปฏิเสธ และให้การว่านายร้อยตำรวจโทวินิจ รอดคลองตันกองตรวจตำรวจนครบาลไม่มีอำนาจสอบสวนคดีนี้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุก 3 ปีเพิ่มโทษตามมาตรา 74 เป็นจำคุก 6 ปี และให้ส่งไปกักกันอีก 3 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้กระทำผิด และผู้สอบสวนคดีนี้ไม่มีอำนาจสอบสวน
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว คดีนี้จำเลยได้ให้การคัดค้านมาแต่แรกว่า ร.ต.ท.วินิจกองตรวจตำรวจนครบาลไม่มีอำนาจสอบสวนคดีนี้โจทก์ได้อ้าง ร.ต.ท.วินิจมาสืบว่าเป็นผู้สอบสวนคดีนี้จริง แต่หาได้มีฝ่ายใดซักถามให้ปรากฏไม่ว่า ร.ต.ท.วินิจผู้มีตำแหน่งเป็นรองสารวัตร กองตรวจตำรวจนครบาลมีอำนาจสอบสวนคดีนี้หรือไม่อย่างไร กล่าวคือ เหตุเรื่องนี้เกิดขึ้นในท้องที่ของตำรวจจักรวรรดิ์ร.ต.ท.วินิจรองสารวัตรกองตรวจจะมีอำนาจสอบสวนหรือไม่ ศาลนี้เห็นว่าประกาศของกระทรวงมหาดไทยตามที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยมิใช่เป็นกฎหมายอันจะถือได้ว่าทุกคนจำต้องทราบอย่างกฎหมายแต่เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องนำสืบให้ทราบ ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 749/2491, 921,923/2491 และที่ 1827/2492 เมื่อจำเลยคัดค้านว่า ร.ต.ท.วินิจผู้สอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนจำเลย จึงเป็นหน้าที่จทก์จะต้องนำสืบแสดงว่า ร.ต.ท.วินิจมีอำนาจสอบสวน เมื่อไม่นำสืบก็ยังฟังไม่ได้ว่า ได้มีการสอบสวนโดยชอบด้วยวิธีพิจารณาแล้วต้องบทห้ามมิให้อัยการฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 120 จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง