แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การมีฝิ่น มีมูลฝิ่น มีเครื่องประกอบในการสูบฝิ่นและสูบฝิ่นนอกร้านโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นถ้าต่างกรรมต่างวาระกัน อันฟังได้ว่าเป็นความผิดหลายกระทงแล้วพระราชบัญญัติฝิ่นแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2476 มาตรา 9 บัญญัติให้เรียงกระทงลงโทษตามรายตัวผู้กระทำผิด ศาลจะไม่พิพากษาลงโทษเรียงกระทงความผิด ไม่ได้
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า จำเลยสูบฝิ่นนอกร้านนั้น มิได้รับอนุญาตพิเศษและว่าจำเลยมีกล้องสูบฝิ่น มีฝิ่น และมูลฝิ่น มิได้รับอนุญาตและยังกล่าวว่าเจ้าพนักงานจับได้พร้อมด้วยของกลางและเครื่องอุปกรณ์ในการสูบฝิ่นด้วยดังนี้ ข้อเท็จจริงเท่าที่กล่าวในฟ้อง ไม่ปรากฏชัดว่าการกระทำของจำเลยต่างกรรมต่างวาระกันอย่างไรหรือไม่คือยังฟังไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดหลายกระทง เพราะอาจเป็นผิดหลายบทก็ได้ ฉะนั้นศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยเรียงกระทงความผิด ตามที่โจทก์อ้างในฟ้อง ยังไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2495 เวลากลางวันกระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทง โดยจำเลยบังอาจสูบฝิ่นนอกร้านมิได้รับอนุญาตพิเศษ และมีกล้องสูบฝิ่น 1 กล้องมูลฝิ่น 1 กรัม ฝิ่น 3 กรัมไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับได้พร้อมด้วยของกลาง และเครื่องอุปกรณ์ในการสูบฝิ่น ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติฝิ่น 2472 มาตรา 8, 11, 14, 34, 53, 66,69 พระราชบัญญัติฝิ่น (ฉบับที่ 6) 2494 มาตรา 6, 7 และให้ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติฝิ่นพ.ศ. 2472 มาตรา 8, 11, 34, 53, 66, 69 พระราชบัญญัติฝิ่น (ฉบับที่ 6)2494 มาตรา 6, 7 ให้จำคุกจำเลย 6 เดือน ปรับ 550 บาทปรานีลดโทษให้ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 คงจำคุก 4 เดือนปรับ 275 บาท โทษจำคุกให้รอการลงอาญาไว้ ฯลฯ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้เรียงกระทงลงโทษฐานมีมูลฝิ่น กับสูบฝิ่นนอกร้าน
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ตามที่โจทก์ฟ้องกล่าวว่า จำเลยสูบฝิ่นนอกร้านมิได้รับอนุญาตพิเศษ และว่ามีกล้องสูบฝิ่น มีฝิ่นและมูลฝิ่นมิได้รับอนุญาตและยังกล่าวว่า เจ้าพนักงานจับได้พร้อมด้วยของกลางและเครื่องอุปกรณ์ในการสูบฝิ่นด้วย ข้อเท็จจริงเท่าที่กล่าวในฟ้องไม่ปรากฏชัดว่า เป็นผิดหลายบทหรือหลายกระทง การกระทำผิดกฎหมายหลายบทหมายความว่า กระทำการอันเป็นผิดกฎหมายหลายบทในกรรมอันเดียวกัน แต่เป็นการผิดกฎหมายหลายบท กระทำผิดกฎหมายหลายกระทงหมายความว่ากระทำต่างกรรมต่างวาระกัน การกระทำหรือกรรมอันเดียวจะเรียกว่าเป็นผิดหลายกระทงไม่ได้ ฉะนั้นต้องพิจารณาว่า การกระทำของจำเลยต่างกรรมต่างวาระกันอย่างไรหรือไม่ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่า จำเลยมีฝิ่น มีมูลฝิ่น มีเครื่องประกอบในการสูบฝิ่น และสูบฝิ่นต่างกรรมต่างวาระกัน อันฟังได้ว่าเป็นความผิดหลายกระทงแล้ว พระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. 2476 มาตรา 9 บัญญัติให้เรียงกระทงลงโทษตามรายตัวผู้กระทำผิด ศาลจะไม่พิพากษาลงโทษเรียงกระทงความผิดไม่ได้แต่เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยจะเป็นผิดหลายกระทง กล่าวคือยังอาจเป็นผิดหลายบทได้ จะพิพากษาลงโทษจำเลย เรียงกระทงความผิดดังโจทก์ฎีกาขึ้นมาไม่ได้ จึงให้ยกฎีกาของโจทก์เสีย
พิพากษายืน