คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 227/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทรัพย์ของทางราชการหายโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ปกครองหรือรักษาทรัพย์นั้นได้มีเจตนาทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำจำเลยย่อมไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 158

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้รับมอบหมายอาวุธปืนและกระสุนปืนซึ่งเป็นทรัพย์ของกรมตำรวจไว้ใช้ในราชการขณะจำเลยปฏิบัติหน้าที่จำเลยมีเจตนาทุจริต เบียดบังยักยอก ทำให้เสียหาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายซึ่งอาวุธปืนและกระสุนปืนไปเป็นประโยชน์ของจำเลยเอง หรือเป็นของผู้อื่นหรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำการโดยเจตนาทุจริต ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 158 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 3

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาอาญาพิจารณาแล้วเห็นว่า ปืนและกระสุนปืนของทางราชการหายไปโดยไม่ใช่ด้วยความทุจริตของจำเลย พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ปกครองรักษาอาวุธปืนและกระสุนของกรมตำรวจ การที่ปืนและกระสุนปืนหายไปในระหว่างที่อยู่ในปกครองรักษาของจำเลย ก็ได้ชื่อว่าจำเลยทำให้เสียทรัพย์นั้นสูญหายหรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำเช่นนั้น ต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 158 โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหรือไม่

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้มาตรานี้ไม่ได้บัญญัติเรื่องเจตนาทุจริตไว้ดังฎีกาโจทก์ ตามหลักทั่วไป ความรับผิดทางอาญาของบุคคลก็ต้องปรากฏว่าผู้นั้นได้กระทำผิดโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 เป็นองค์ประกอบสำคัญ เมื่อทรัพย์ของทางราชการรายนี้หายไปโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำ เช่นนั้น ก็จะลงโทษจำเลยในทางอาญาหาได้ไม่ แม้จำเลยจะเป็นเจ้าพนักงาน ที่จะลงโทษได้ก็ต้องได้ความว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดดุจกัน ศาลทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share