คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการสั่งคำร้องของจำเลยในชั้นขอทุเลาการบังคับคดีชั้นฎีกาศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้ทุเลาการบังคับได้ในเมื่อจำเลยสามารถหาประกันที่มั่นคงและเป็นที่พอใจของศาลชั้นต้น เห็นได้ว่าศาลฎีกามิได้ให้ถือประกันเดิมที่ผู้ประกันได้ทำไว้ในการที่จำเลยขอทุเลาการบังคับในชั้นอุทธรณ์แล้วฉะนั้น การค้ำประกันในชั้นอุทธรณ์จึงเป็นอันเพิกถอนไปในตัว จะบังคับการชำระหนี้อีกไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยชำระเงินค่าจ้างว่าความ 70,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์แต่โจทก์ยังมิได้ชำระ ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าทรัพย์สินของจำเลยได้จำหน่ายจ่ายโอนไปหมดแล้ว ส่วนทรัพย์ของนางปันหยีภริยาจำเลยที่นำมาวางประกันในชั้นฎีกาก็ถูกโจทก์ในคดีอื่นยึดไปขายทอดตลาดที่ศาลแพ่ง โจทก์ได้คัดค้านการยึดทรัพย์คดีนั้นแล้ว แต่ศาลแพ่งไม่อนุญาต จึงขอให้ยึดทรัพย์นายสุขุม วงลือเกียรติ ตามที่ทำสัญญาค้ำประกันไว้ในชั้นจำเลยขอทุเลาการบังคับชั้นอุทธรณ์

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า นางปันหยีได้ค้ำประกันการชำระหนี้ตามคำพิพากษาไว้ภายหลังการค้ำประกันของนายสุขุม การประกันหนี้ของนายสุขุมเป็นอันเพิกถอนไปในตัวตั้งแต่วันที่นางปันหยีมาทำสัญญาประกันต่อศาล จะบังคับการชำระหนี้กับนายสุขุมไม่ได้ จึงไม่อนุญาต

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ในการสั่งคำร้องของจำเลยในชั้นขอทุเลาการบังคับชั้นฎีกา ศาลฎีกาได้มีคำสั่งใหม่ว่า อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีได้ในเมื่อจำเลยสามารถหาประกันที่มั่นคงและเป็นที่พอใจของศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วัน คำสั่งศาลฎีกาดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ศาลฎีกาได้กำหนดให้จำเลยหาหลักประกันที่มั่นคงมาวางต่อศาลใหม่จนเป็นที่พอใจของศาลชั้นต้น จึงจะให้ทุเลาการบังคับศาลฎีกามิได้ให้ถือประกันเดิมที่นายสุขุมผู้ประกันได้ทำไว้ในการที่จำเลยขอทุเลาการบังคับคดีในชั้นอุทธรณ์ ฉะนั้น เมื่อศาลฎีกาได้มีคำสั่งใหม่และได้เปลี่ยนตัวผู้ประกันใหม่แล้ว นายสุขุมผู้ค้ำประกันคนเก่าก็หลุดพ้นจากความรับผิดชอบต่อโจทก์แล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์

Share