แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้โจทก์ขุดร่องน้ำผ่านที่นาของจำเลยเพื่อใช้สอยน้ำร่วมกัน แม้จะไม่ได้จดทะเบียนทรัพย์สิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่ก็ถือได้ว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่ง มีผลก่อให้เกิดบุคคลสิทธิในอันที่จะเรียกร้องบังคับกันได้ในระหว่างคู่สัญญา (อ้างฎีกาที่ 760/2507)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ขุดคลองส่งน้ำเข้านาโจทก์ผ่านที่นาของจำเลยที่ ๑และ ที่ ๓ ด้วยความยินยอมของจำเลยทั้งสอง โดยโจทก์ยกที่ดินส่วนหนึ่งให้จำเลยที่ ๓ เป็นค่าตอบแทน ต่อมาจำเลยขุดดินถมคลองส่งน้ำในเขตนาของจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ทำให้โจทก์ทำนาได้ข้าวน้อยลง ขอให้บังคับจำเลยเปิดคลองส่งน้ำและใช้ค่าเสียหาย
จำเลยที่ ๑, ๒ ให้การว่า โจทก์ไม่ยอมให้จำเลยใช้น้ำตามที่ตกลงกันไว้และยุยงให้พวกของโจทก์จับจองที่ดินของจำเลย จำเลยจึงถมรางน้ำ
จำเลยที่ ๓, ๔ ให้การว่า โจทก์ขอขุดรางน้ำโดยจะให้ข้าวเปลือกตอบแทนเป็นรายปี และยกที่นาให้บ้าง แต่เมื่อขุดแล้วโจทก์ยกที่นาให้น้อยและไม่ชำระข้าวเปลือก จำเลยจึงถมรางน้ำ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเปิดร่องน้ำและใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
จำเลยทั้ง ๔ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า ที่จำเลยถมร่องน้ำมิใช่เป็นเพราะโจทก์ไม่ยอมให้ใช้น้ำและเชื่อว่าโจทก์ยกที่ให้จำเลยเท่าที่ตกลงกันไว้แล้ว กับไม่เชื่อว่าโจทก์จะตกลงให้ข้าวเปลือกเป็นรายปี แล้ววินิจฉัยว่า การที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้โจทก์ขุดร่องน้ำผ่านที่นาของจำเลยเพื่อใช้สอยน้ำร่วมกัน แม้คู่สัญญาจะไม่ได้จดทะเบียนทรัพย์สิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่ง มีผลก่อให้เกิดบุคคลสิทธิในอันที่จะเรียกร้องบังคับกันได้ในระหว่างคู่สัญญา
(อ้างฎีกาที่ ๗๖๐/๒๕๐๗)
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น