คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 3 ลักษณะ 5 ว่าด้วยเช่าซื้อมิได้บัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยตรง แต่ค่าเช่าซื้อก็เป็นค่าเช่าในการใช้ทรัพย์สินอย่างหนึ่ง หากผู้ให้เช่าซื้อเป็นพ่อค้า ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระได้ ภายในกำหนดอายุความ 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (6)
ในกรณีที่ผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาและเรียกให้ผู้เช่าซื้อส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าซื้อหากส่งคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนนั้น เป็นการที่เจ้าของกรรมสิทธิใช้สิทธิติดตามเรียกเอาทรัพย์คืนอยู่ภายในกำหนดอายุความ 10 ปี
ผู้ค้ำประกันการเช่าซื้อซึ่งทำสัญญาไว้ว่าตนไม่มีสิทธิถอนการค้ำประกัน ไม่ว่าเวลาใดนั้น จะแสดงเจตนาฝ่ายเดียวขอถอนการค้ำประกันภายหลังจากผู้เช่าซื้อผิดสัญญาแล้วโดยฝ่ายผู้ให้เช่าซื้อมิได้ตกลงด้วยหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เช่าซื้อเครื่องรับโทรทัศน์ ๑ เครื่องราคา ๖,๗๔๐ บาท จากโจทก์ โดยจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันและเป็นลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ ๑ ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ ๒ คราวติดต่อกันโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างและค่าเสียหายรวม ๗,๗๙๗ บาท และส่งคืนเครื่องรับโทรทัศน์ถ้าส่งคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาและใช้ค่าเสียหายนับแต่วันฟ้อง
จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ว่า ค้างชำระค่าเช่าซื้อเพียง ๔,๔๐๗ บาทโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย คดีโจทก์ขาดอายุความ
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่า โจทก์ยอมให้จำเลยที่ ๒ พ้นจากการเป็นผู้ค้ำประกันแล้ว โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าซื้อและค่าเครื่องรับโทรทัศน์สองทางเป็นการเอาเปรียบและเคลือบคลุม ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเช่าซื้อที่ค้าง ๖๗๘ บาท พร้อมคืนเครื่องรับโทรทัศน์ ถ้าคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า จำเลยที่ ๒ หลุดพ้นความรับผิดตามสัญญาค้ำประกันและคดีขาดอายุความ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าซื้อ เมื่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๓ ลักษณะ ๕ ว่าด้วยเช่าซื้อมิได้บัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยตรง แต่การที่จำเลยค้างชำระค่าเช่าซื้อ ก็เท่ากับค้างค่าเช่าที่จำเลยรับเอาเครื่องรับโทรทัศน์นั้นไปใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕(๖) บัญญัติว่า”บุคคลจำพวกที่ค้าในการให้เช่าสังหาริมทรัพย์เรียกเอาค่าเช่า”มีสิทธิเรียกร้องในกำหนดอายุความ ๒ ปี จำเลยผิดนัดชำระค่าเช่าซื้องวดวันที่ ๑ – ๗ มกราคม ๒๕๐๗ และงวดวันที่ ๑ – ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๗รวม ๒ งวดติดกัน โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๐๘ยังไม่เกิน ๒ ปี ส่วนการที่ฟ้องให้จำเลยคืนเครื่องรับโทรทัศน์หรือใช้ราคา เป็นการที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ใช้สิทธิติดตามเรียกเอาทรัพย์คืน มีอายุความ ๑๐ ปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ข้อที่ฎีกาว่า จำเลยที่ ๒ หลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาค้ำประกันนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้องมีว่าผู้ค้ำประกันไม่มีสิทธิที่จะถอนการค้ำประกันไม่ว่าเวลาใดจนกว่าจะชำระหนี้ครบถ้วน และยอมตกลงเป็นลูกหนี้ร่วมกับผู้เช่าซื้อด้วยที่จำเลยที่ ๒ อ้างว่าได้ขอถอนการค้ำประกันนั้น โจทก์ก็มิได้ตกลงด้วย และเป็นเวลาภายหลังที่จำเลยที่ ๑ ผิดสัญญา ซึ่งโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยที่ ๒ ชำระค่าเช่าซื้อเครื่องรับโทรทัศน์แล้วจำเลยที่ ๒ จะแสดงเจตนาฝ่ายเดียวขอถอนการค้ำประกันเป็นการขัดกับข้อสัญญาหาได้ไม่
พิพากษายืน
(วิริยะ เกิดศิริ – ไฉน บุญยก – สุธี โรจนธรรม)

Share