แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การไม่ยอมรับทรัพย์สินของลูกหนี้หรือสิทธิตามสัญญาที่มีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/41 ทวิ นั้น ต้องกำหนดรายการปฏิเสธสิทธิดังกล่าวไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ตามมาตรา 90/42 (10) และเนื่องจากแผนฟื้นฟูกิจการเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้เกี่ยวกับรายละเอียดในการชำระหนี้ตลอดจนการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ภายใต้กรอบของกฎหมายว่าด้วยการฟื้นฟูกิจการ จึงเป็นนิติกรรมอย่างหนึ่ง กรณีใดที่กฎหมายว่าด้วยการฟื้นฟูกิจการมิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้วก็จะต้องนำบทบัญญัติในเรื่องอื่นหรือกฎหมายอื่นมาใช้บังคับ การเลิกสัญญาในกรณีที่คู่สัญญาเป็นบุคคลหลายคนด้วยกันอยู่ข้างหนึ่งหรืออีกข้างหนึ่ง กฎหมายว่าด้วยการฟื้นฟูกิจการมิได้บัญญัติหลักเกณฑ์ไว้ จึงต้องบังคับตาม ป.พ.พ. มาตรา 390 ซึ่งบัญญัติว่า “ถ้าในสัญญาใดคู่สัญญาเป็นบุคคลหลายคนด้วยกันอยู่ข้างหนึ่งหรืออีกข้างหนึ่ง ท่านว่าจะใช้สิทธิเลิกสัญญาได้ก็แต่เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดรวมกันใช้ ทั้งใช้ต่อบุคคลเหล่านั้นรวมหมดทุกคนด้วยกัน ” บทบัญญัติดังกล่าวแสดงว่าการที่ลูกหนี้จะไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาก่อสร้างในโครงการบำบัดน้ำเสียกับผู้ร้องที่ 4 ซึ่งมีผลเท่ากับบอกเลิกสัญญาก่อสร้างโครงการบำบัดน้ำเสียได้นั้น ลูกหนี้กับบริษัท พ. และบริษัท ล. ซึ่งได้ตกลงทำสัญญากิจการร่วมค้าในลักษณะห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิได้จดทะเบียนจะต้องแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาด้วยกัน ลูกหนี้จะแสดงเจตนาไปโดยลำพังหาได้ไม่
ย่อยาว
คดีทั้งหกสำนวนนี้ศาลชั้นต้นสั่งให้รวมการพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน โดยให้เรียกบริษัทเนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) ว่า ผู้ร้องที่ 1 นายมานะ กรรณสูต ว่า ผู้ร้องที่ 2 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ว่า ผู้ร้องที่ 3 กรุงเทพมหานคร ว่า ผู้ร้องที่ 4
คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และตั้งบริษัทพรีเมียร์แพลนเนอร์ จำกัด เป็นผู้ทำแผนเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2543 แล้วมีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยแผนและให้ยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2544 ลูกหนี้และผู้ทำแผนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษากลับเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2545 โดยมีผู้ทำแผนเป็นผู้บริหารแผน
ผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งยกเลิกการไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาของผู้บริหารแผนเกี่ยวกับ (1) สัญญากิจการร่วมค้า (JOINT VENTURE) พีอี-เพท/แลน (PE-PATE/LAND) ฉบับลงวันที่ 31 มีนาคม 2538 ระหว่าง ลูกหนี้กับบริษัทเพท เอ็นจิเนียส์ อิงค์ และบริษัทล็อควูด แอนดรูส์ แอนด์ นิวแนม อิงค์ (PATE ENGINEERS, INC./LOCKWOOD ANDREWS AND NEWNAM, INC.) (2) หนังสือมอบอำนาจให้ผู้ร้องที่ 2 เป็นผู้จัดการกิจการร่วมค้า พีอี-เพท/แลน (3) สัญญาการก่อสร้างโครงการบำบัดน้ำเสียกรุงเทพมหานคร เลขที่ DDS 182/2539 ฉบับลงวันที่ 19 กันยายน 2539 ระหว่างกิจการร่วมค้า พีอี-เพท/แลน กับผู้ร้องที่ 4 (4) สัญญาโอนสิทธิการรับชำระเงินฉบับลงวันที่ 19 กันยายน 2539 ระหว่างกิจการร่วมค้า พีอี-เพท/แลน กับผู้ร้องที่ 3 และ (5) สัญญารับจ้างช่วงการก่อสร้างโครงการบำบัดน้ำเสียกรุงเทพมหานคร ฉบับลงวันที่ 1 ตุลาคม 2539 ระหว่างกิจการร่วมค้า พีอี-เพท/แลน กับผู้ร้องที่ 1
ผู้บริหารแผนยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกเลิกการไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาพิพาทของผู้บริหารแผน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหกสำนวนให้เป็นพับ
ผู้บริหารแผนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า การไม่ยอมรับทรัพย์สินของลูกหนี้หรือสิทธิตามสัญญาที่มีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/41 ทวิ นั้น ต้องกำหนดรายการปฏิเสธสิทธิดังกล่าวไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/42 (10) และเนื่องจากแผนฟื้นฟูกิจการเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้เกี่ยวกับรายละเอียดในการชำระหนี้ตลอดจนการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ภายใต้กรอบของกฎหมายว่าด้วยการฟื้นฟูกิจการ จึงเป็นนิติกรรมอย่างหนึ่ง ดังนั้น กรณีใดที่กฎหมายว่าด้วยการฟื้นฟูกิจการมิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว ก็จะต้องนำบทบัญญัติในเรื่องอื่นหรือกฎหมายอื่นมาใช้บังคับ การเลิกสัญญาในกรณีที่คู่สัญญาเป็นบุคคลหลายคนด้วยกันอยู่ข้างหนึ่งหรืออีกข้างหนึ่งดังเช่นกรณีของลูกหนี้ในคดีนี้กฎหมายว่าด้วยการฟื้นฟูกิจการมิได้บัญญัติหลักเกณฑ์ไว้ จึงต้องบังคับตาม ป.พ.พ. มาตรา 390 ซึ่งบัญญัติว่า “ถ้าในสัญญาใดคู่สัญญาเป็นบุคคลหลายคนด้วยกันอยู่ข้างหนึ่งหรืออีกข้างหนึ่งท่านว่าจะใช้สิทธิเลิกสัญญาได้ก็แต่เมื่อบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดรวมกันใช้ ทั้งใช้ต่อบุคคลเหล่านั้นรวมหมดทุกคนด้วย ถ้าสิทธิเลิกสัญญาอันมีแก่บุคคลคนหนึ่งในจำพวกที่มีสิทธินั้นเป็นอันระงับสิ้นไปแล้ว สิทธิเลิกสัญญาอันมีแก่คนอื่น ๆ ก็ย่อมระงับสิ้นไปด้วย” บทบัญญัติดังกล่าวแสดงว่าการที่ลูกหนี้จะไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาก่อสร้างโครงการบำบัดน้ำเสียกับผู้ร้องที่ 4 ซึ่งมีผลเท่ากับบอกเลิกสัญญาก่อสร้างโครงการบำบัดน้ำเสียได้นั้น ลูกหนี้กับบริษัทเพท เอ็นจิเนียส์ อิงค์ และบริษัทล็อควูด แอนดรูส์ แอนด์ นิวแนม อิงค์ จะต้องแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาด้วยกัน ลูกหนี้จะแสดงเจตนาไปโดยลำพังหาได้ไม่เพราะเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 390 อย่างชัดแจ้ง ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกเลิกการไม่ยอมรับสิทธิตามสัญญาดังกล่าวของผู้บริหารแผนมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหกสำนวนในชั้นนี้ให้เป็นพับ.