คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเช่าตึกเพื่อใช้เป็นที่ประกอบธุรกิจการค้านั้น เมื่อสัญญาเช่าระงับแล้ว ผู้เช่าไม่ยอมออกจากตึกเช่า หากมีผู้มาขอเช่าและให้เงินกินเปล่าแก่ผู้ให้เช่า ผู้ให้เช่าย่อมมีสิทธิเรียกเงินกินเปล่าจากผู้เช่าเดิมได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 298 โจทก์ได้ทำหนังสือแบ่งให้นายพิศว์เช่าไปปลูกตึกเพื่อให้เช่าช่วงต่อมากรรมสิทธิ์ตึกและสิทธิการเช่าได้โอนมายังโจทก์ จำเลยได้เช่าตึกเลขที่ 88 จากผู้ให้เช่าเดิมเพื่อทำการค้าและได้ทำการค้าในตึกรายนี้ โจทก์ให้จำเลยมาทำความตกลงในการเช่าใหม่แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงบอกเลิกการเช่าแก่จำเลย ๆ เพิกเฉย การที่จำเลยอยู่ต่อมาทำให้โจทก์เสียหาย ขาดเงินกินเปล่าที่ควรจะได้เป็นเงิน 10,000 บาทต่อปีกับค่าทดแทนคิดเป็นรายเดือน ๆ ละ 10 บาท นับแต่ มิ.ย. 98 จึงฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากตึก และให้จำเลยใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่รับรองว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์สัญญาแบ่งเช่ากรรมสิทธิ์ที่ดินโจทก์นำมาฟ้องไม่ได้ เพราะเป็นเอกสารไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย และจำเลยเช่ามาเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย

ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากตึกเช่าและให้จำเลยใช้ค่าทดแทน 10,000 บาทกับค่าทดแทนคิดตามอัตราค่าเช่าเดือนละ 100 บาท นับแต่ 1 มิ.ย. 98 จนกว่าจำเลยจะออกไป

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อเรียกเงินกินเปล่า10,000 บาท

โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาแก้ว่า เงินกินเปล่าที่โจทก์เรียกร้องจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ และโจทก์มีพยานเบิกความฟังได้ว่า นายโปจิวมาขอเช่าตึกพิพาทโดยตกลงให้เงินกินเปล่า 10,000 บาทต่อปี นายโปจิวได้เตรียมเงินกินเปล่ามาชำระโจทก์ แต่จำเลยไม่ยอมออก โจทก์จึงส่งมอบห้องให้นายโปจิวไม่ได้ ทำให้โจทก์ขาดเงินกินเปล่าที่ควรจะได้ ตามพฤติการณ์แห่งคดี โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกเงินกินเปล่า 10,000 บาทจากจำเลยได้

Share