แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของผู้ร้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248วรรคสาม จึงไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา ผู้ร้องเห็นว่า ฎีกาของผู้ร้องที่ว่า ผู้ร้องเป็นบริวาร ของโจทก์หรือไม่และฎีกาที่ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดี ดำเนินการบังคับคดีนอกเหนือคำพิพากษาของศาลฎีกาหรือไม่ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานในสำนวนว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่ ชั้นบังคับคดี คดีนี้สืบเนื่องมาจากจำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปบังคับคดีดำเนินการการให้โจทก์ทั้งสองและบริวาร ออกจากตึกแถวพิพาท ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยทำสัญญา กับโจทก์ทั้งสองโดยให้โจทก์ทั้งสองก่อสร้างตึกแถวจำนวน70 ห้อง บนที่ดินของจำเลย เมื่อก่อสร้างเสร็จจำเลยยินยอมให้โจทก์ทั้งสองมีสิทธิจัดหาบุคคลมาเช่าตึกแถวดังกล่าวมีกำหนด 30 ปี โจทก์ทั้งสองก่อสร้างตึกแถวเสร็จจำนวน 34 ห้อง ซึ่งรวมห้องพิพาท ต่อมาผู้ร้องได้ทำสัญญาเช่าห้องพิพาท จากโจทก์เป็นเวลา 30 ปี และได้เข้าอยู่อาศัยโดยได้ชำระค่าเช่า ตลอดมา จำเลยในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ในตึกแถวดังกล่าว ย่อมต้องรับโอนทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้ให้เช่าเดิม ผู้ร้องไม่ใช่บริวารของโจทก์ จำเลยยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่า แก่ผู้ร้อง จึงไม่มีสิทธิบังคับผู้ร้องออกจากตึกแถวห้องพิพาท นอกจากนี้คำพิพากษาของศาลก็ไม่มีข้อความขับไล่โจทก์และบริวาร การกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงนอกเหนือคำพิพากษา ขอให้มีคำสั่งยกเลิกหรืองดการบังคับคดีแก่ผู้ร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นผู้เช่าตึกแถวห้องพิพาทจากโจทก์ จึงเป็นบริวารของโจทก์ เมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์และบริวารออกไปจากตึกแถวพิพาท ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิ อยู่ในตึกแถวห้องพิพาทต่อไป ยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 55) ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 57)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีเกี่ยวกับการบังคับบริวารที่จะ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสาม ต้องเป็นคดีที่คู่ความในคดีเดิม ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามวรรคสอง แต่คู่ความในคดีเดิม ของคดีนี้ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ดังนั้นคดีเกี่ยวกับการบังคับผู้ร้องซึ่งถูกอ้างว่าเป็นบริวารของโจทก์นี้จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงด้วย ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าฎีกาของผู้ร้องเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงหรือไม่ ให้รับฎีกาของ ผู้ร้องไว้พิจารณา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป