คำสั่งศาลฎีกาที่ 10814/2558

แหล่งที่มา : แผนกคดีเลือกตั้ง

ย่อสั้น

ผู้ร้องมี บ. ที่เบิกความยืนยันว่าในวันดังกล่าวเห็น จ. ยื่นบัตรแนะนำตัวผู้คัดค้านหมู่บ้านละ 1 ปึก และพูดว่าให้ช่วยกัน และ จ. ยื่นเงินธนบัตรให้คนละ 500 บาท ส่วน สพ.เบิกความยืนยันว่าเห็นเหตุการณ์ในบ้าน สท. มีการถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอไว้ แต่ไม่ปรากฏภาพชัดเจนว่ามีการแจกบัตรแนะนำตัวและธนบัตร อีกทั้งผู้ร้องไม่มีบัตรแนะนำตัวผู้คัดค้านและเงินมาแสดงเป็นพยานหลักฐานสนับสนุน ส่วนพยานผู้ร้องทั้งสี่ปากแม้เคยให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนว่า ในวันที่ 26 มีนาคม 2557 มีการแจกบัตรแนะนำตัวผู้คัดค้านและแจกเงินคนละ 500 บาท แต่มาเบิกความต่อศาลปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าว ซึ่งการให้ถ้อยคำในครั้งแรกเกิดขึ้นหลังเกิดเหตุไม่นานนัก พยานไม่มีเวลาคิดปรุงแต่งข้อเท็จจริงหรือผู้มีส่วนได้เสียพูดจาโน้มน้าวชักชวน แม้น่าเชื่อว่าจะเป็นจริงมากกว่า แต่ถ้อยคำดังกล่าวก็ไม่ชี้ชัดว่า สท., ว, หรือ จ. เป็นผู้แจกเงินให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม หากมีการแจกบัตรแนะนำตัวหรือเงินดังอ้าง พยานหลักฐานของผู้ร้องก็ไม่ได้แสดงโดยชัดแจ้งว่าผู้กระทำมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอย่างไรกับผู้คัดค้าน สท., ว, หรือ จ. ประกอบกับผู้ร้องไม่มีบัตรแนะนำตัวผู้คัดค้านและเงินเป็นพยานหลักฐานมาแสดงต่อศาล สำหรับข้อเท็จจริงที่ว่า ว. ไปที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ขณะผู้คัดค้านชี้แจงข้อกล่าวหาคดีนี้ ก็เป็นเพียงการมีส่วนร่วมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ไม่มีข้อเท็จจริงใดแสดงว่า ว. กระทำการช่วยเหลือผู้คัดค้านตามคำร้อง พยานหลักฐานของผู้ร้องตามทางไต่สวนไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้คัดค้านเกี่ยวข้องอย่างไรกับการกระทำตามคำร้อง มิอาจเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้านดังคำร้องของผู้ร้องได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 ได้มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไปในวันที่ 30 มีนาคม 2557 ในการเลือกตั้งดังกล่าว ผู้คัดค้านเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดเพชรบูรณ์ หมายเลข 1 และผู้ร้องได้ประกาศผลเลือกตั้งเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2557 ให้ผู้คัดค้านเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2557 เวลาประมาณ 9 นาฬิกา ถึง 10 นาฬิกา ผู้คัดค้านได้ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้นายสุทัศน์ และนายวิศัลย์ เรียกประชุมผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล และผู้นำชุมชนในเขตตำบลวังชมภู ตำบลระวิง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ มาประชุมที่บ้านนายสุทัศน์ เลขที่ 19 ถนนสันคูเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ และเวลาประมาณ 16 นาฬิกา เรียกประชุมผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลและผู้นำชุมชนในเขตตำบลนายม อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ มาประชุมที่บ้านนายวิศัลย์ เลขที่ 105 ถนนเพชรรัตน์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ในการประชุมดังกล่าวมีการจ่ายเงินให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุมคนละ 500 บาท และมีการพูดหาเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้คัดค้าน และเวลาประมาณ 16 นาฬิกา ผู้คัดค้านได้ก่อ สนับสนุน หรือ รู้เห็นเป็นใจให้นายจักรัตน์ เรียกประชุมผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล และผู้นำชุมชนในเขตตำบลหนองไขว่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ มาประชุมที่สำนักงานนายจักรัตน์ ในการประชุมดังกล่าวนายจักรัตน์เรียกประชุมทีละหมู่บ้านโดยให้เข้าพบในห้องและมีการพูดหาเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้คัดค้าน มีการแจกบัตรแนะนำตัวผู้คัดค้านและแจกเงินให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุมคนละ 500 บาท เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงให้แก่ผู้คัดค้าน อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 53 เป็นการกระทำโดยไม่สุจริต เพื่อให้ผู้คัดค้านได้รับการเลือกตั้ง มีผลให้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดเพชรบูรณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับผู้คัดค้านมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ขอให้มีคำสั่งตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 57/2557 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2557 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 111 และมาตรา 112 (ที่ถูก มาตรา 122) ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้านมีกำหนดห้าปี
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้ก่อ สนับสนุน รู้เห็นเป็นใจ
ให้นายสุทัศน์ นายวิศัลย์ และนายจักรัตน์ เรียกประชุมคณะบุคคลผู้นำท้องถิ่นและแจกเงินซื้อเสียงคนละ 500 บาท เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเสียงให้ผู้คัดค้านเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดเพชรบูรณ์ บุคคลทั้งสามไม่ได้ช่วยหาเสียงให้แก่ผู้คัดค้าน แม้จะเป็นคนรู้จักแต่ไม่สนิทสนม การที่คณะบุคคลเดินทางไปหานายสุทัศน์ นายวิศัลย์และนายจักรัตน์ ตามวันเวลาและสถานที่ดังกล่าวผู้คัดค้านทราบภายหลังว่าไม่ได้เกิดจากการนัดประชุมล่วงหน้า แต่เป็นเรื่องปกติที่จะมีชาวบ้านไปขอความช่วยเหลือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งไม่ได้แจกบัตรแนะนำตัวผู้สมัคร และแจกเงินซื้อเสียง ผู้คัดค้านไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดต่อกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งตามที่ผู้ร้องกล่าวหา ขอให้ยกคำร้อง
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งวินิจฉัยในประเด็นเดียวว่า ผู้คัดค้าน ได้ก่อ สนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 53 ทำให้ผู้คัดค้านได้รับประโยชน์ในการเลือกตั้ง มีผลทำให้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดเพชรบูรณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับผู้คัดค้านมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมอันเป็นเหตุเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้านมีกำหนดห้าปีหรือไม่ ทางไต่สวนได้ความจากนายสัมพันธ์ พยานผู้ร้อง หัวหน้างานสืบสวนสอบสวนประจำสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ และได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ทำหน้าที่ประธานกรรมการสืบสวนสอบสวนว่าในการสืบหาข้อเท็จจริงตามคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งคดีนี้ พยานได้ไปที่บ้านของนายสุทัศน์ เนื่องจากได้รับแจ้งจากผู้ไม่ประสงค์จะออกนามว่ามีการเรียกผู้นำชุมชนต่างๆ มาที่บ้านหลังดังกล่าว น่าเชื่อว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง พยานรายงานต่อผู้บังคับบัญชาและผู้บังคับบัญชาสั่งให้พยานไปตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวในทันที เมื่อไปถึงขณะนำรถยนต์จอดในซอยบริเวณใกล้เคียง พบนายวิศัลย์ ได้ทักทายกัน พยานกับนายวิศัลย์เข้าไปในบ้านของนายสุทัศน์พร้อมกัน โดยพยานเดินตามและสังเกตการณ์บริเวณหน้าบ้านนายสุทัศน์ เห็นผู้นำชุมชนต่างๆ เช่นผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเดินเข้าไปในบ้าน พยานบันทึกภาพวิดีโอไว้ ต่อมานายสุทัศน์เห็นพยานและเดินเข้ามาทักทาย พยานนั่งพูดคุยที่ร้านกาแฟเยื้องบ้านนายสุทัศน์ นายสุทัศน์เดินกลับเข้าไปในบ้าน พยานเห็นผู้นำชุมชนที่เดินเข้าไปในบ้านแล้วเดินออกมาส่วนใหญ่ถือบัตรแนะนำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านออกมาด้วย พยานแอบถ่ายภาพไว้ นอกจากนี้มีนางบัวขาว พยานผู้ร้องเบิกความว่า เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2557 เวลาประมาณ 16 นาฬิกา พยานไปที่สำนักงานนายจักรัตน์ เมื่อไปถึงมีคนอยู่ก่อนแล้วประมาณ 6 ถึง 7 คน มีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหมู่ที่ 8 และหมู่ที่ 12 ส่วนคนอื่นๆ พยานไม่ได้สังเกต จากนั้นมีประชาชนตำบลหนอง
ไขว่ทยอยมา เป็นผู้ใหญ่บ้านกับสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเกือบทุกหมู่บ้าน เข้าไปในห้องประชุม ทีมงานของนายสุทัศน์ได้สอบถามว่า มาครบกันแล้วหรือไม่ จากนั้นเรียกผู้เข้าร่วมประชุม
เข้าไปในห้องเล็กซึ่งมีนายจักรัตน์และทีมงานอยู่ด้วย โดยเรียกผู้ใหญ่บ้าน 1 คนและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 2 คน เข้าไปพบในห้องส่วนตัว พยานเข้าไปพบในลำดับที่ 4 พร้อมนายสมบูรณ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 14 นายอัมรินทร์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหมู่เดียวกับพยาน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 จำนวน 2 คน และพร้อมสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหมู่ที่ 4 อีก 2 คน และเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองไขว่ พยานและพวกเข้าไปในห้อง นายจักรัตน์พูดเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมาในทำนองว่าไม่เป็นที่พอใจ รอบนี้ช่วยผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาหมายเลข 1 คือ ผู้คัดค้าน จากนั้น นายจักรัตน์ยื่นบัตรแนะนำตัวผู้คัดค้านหมู่บ้านละ 1 ปึก และพูดว่าให้ช่วยกัน นายจักรัตน์ยื่นเงินธนบัตรให้คนละ 500 บาท พยานเคยให้การต่อผู้ร้องตามเอกสารหมาย ร.1 แผ่นที่ 23 ถึง 26 ส่วนผู้คัดค้านมีผู้คัดค้านเบิกความว่า ผู้คัดค้านไม่ได้กระทำความผิด แต่ถูกนายเสถียร ร้องเรียน โดยร่วมมือกับกลุ่มผู้สนับสนุนและเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ สร้างเรื่องราวอันเป็นเท็จ ทำหนังสือร้องเรียนบิดเบือนข้อเท็จจริง พยานไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้ก่อ สนับสนุน รู้เห็นเป็นใจ ให้นายสุทัศน์ นายวิศัลย์ และนายจักรัตน์ เรียกประชุมคณะบุคคล ผู้นำท้องถิ่น และแจกเงินซื้อเสียงคนละ 500 บาท ที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า มีการแจกบัตรแนะนำตัวพยานในวันเวลา สถานที่เกิดเหตุ พยานไม่ยืนยันว่าจะเป็นบัตรแนะนำตัวของจริงหรือไม่ อาจมีการกลั่นแกล้งพยาน เจ้าหน้าที่ของผู้ร้องทำบันทึกถ้อยคำของพยานบุคคลในส่วนที่อ้างว่าได้รับเงินซื้อเสียงคนละ 500 บาท ไม่เป็นความจริง นายสุทัศน์ พยานผู้คัดค้านเบิกความว่าในวันเกิดเหตุ พยานไม่ได้เป็นผู้นัดหมายหรือมอบหมายให้ผู้ใดนัดหมายให้มีการจัดประชุมเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ปกติในขณะที่พยานดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบูรณ์มีประชาชนทั่วไปเข้าพบหลายกลุ่มเพื่อปรึกษาหารือขอความช่วยเหลือและพูดคุยแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ส่วนนายวิศัลย์มาที่บ้านพยานในวันเกิดเหตุเนื่องจากประชาชนมีความสนใจเรื่องคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พยานไม่ใช่นักกฎหมาย แต่นายวิศัลย์เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านกฎหมายของจังหวัดเพชรบูรณ์ ต่อมาเครื่องปรับอากาศที่บ้านพยานเสีย การบรรยายเผยแพร่ความรู้ของนายวิศัลย์กำลังติดพัน จึงย้ายสถานที่มาที่บ้านนายวิศัลย์ นายวิศัลย์ พยานผู้คัดค้านเบิกความว่า พยานไปบ้านนายสุทัศน์เพราะได้รับคำเชิญทางโทรศัพท์ เพื่อไปเผยแพร่ความรู้และแสดงความคิดเห็นเรื่องศาลรัฐธรรมนูญในช่วงเช้ามีประชาชนที่มาพบนายสุทัศน์ ทยอยเข้ามาฟังเป็นกลุ่มๆ เสร็จแล้วกลับไป และมีกลุ่มใหม่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ช่วงบ่ายเครื่องปรับอากาศที่บ้านนายสุทัศน์เสีย เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าพยานเสนอตัวให้ย้ายสถานที่มาที่บ้านของพยาน พยานยืนยันว่าวันดังกล่าวไม่มีการซื้อสิทธิ ขายเสียง อันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง นายจักรัตน์ พยานผู้คัดค้านเบิกความว่า พยานไม่ได้ร่วมกระทำความผิดกับผู้คัดค้าน ในวันที่ 26 มีนาคม 2557 มีประชาชนมาที่สำนักงานของพยานจริงซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะพยานเป็นนักการเมืองอดีตเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบูรณ์ พยานไม่ได้นัดประชุมประชาชน ผู้นำท้องถิ่น ไม่มีการจ่ายเงินซื้อเสียง และแจกบัตรแนะนำตัวผู้คัดค้าน พยานเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้ง สาเหตุมาจากเรื่องการเมือง เพราะนายเสถียร ผู้ร้องเรียน เป็นผู้สมัครพรรคการเมืองฝ่ายตรงกันข้ามซึ่งเป็นคู่แข่งของพยานให้การสนับสนุน ทำให้พยานได้รับความเสียหาย เห็นว่า ผู้ร้องมีนางบัวขาว ที่เบิกความยืนยันว่าในวันดังกล่าวเห็นนายจักรัตน์ยื่นบัตรแนะนำตัวผู้คัดค้านหมู่บ้านละ 1 ปึก และพูดว่าให้ช่วยกัน และนายจักรัตน์ยื่นเงินธนบัตรให้คนละ 500 บาท ส่วนนายสัมพันธ์เบิกความยืนยันว่าเห็นเหตุการณ์ในบ้านนายสุทัศน์ มีการถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอไว้ แต่ไม่ปรากฏภาพชัดเจนว่ามีการแจกบัตรแนะนำตัวและธนบัตร อีกทั้งผู้ร้องไม่มีบัตรแนะนำตัวผู้คัดค้านและเงินมาแสดงเป็นพยานหลักฐานสนับสนุน ส่วนพยานผู้ร้องปากนายบุญเจิด นายเพ็ชร นายวิชัย และนายประสิทธิ์ แม้เคยให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนว่า ในวันที่ 26 มีนาคม 2557 มีการแจกบัตรแนะนำตัวผู้คัดค้านและแจกเงินคนละ 500 บาท แต่มาเบิกความต่อศาลปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าวซึ่งการให้ถ้อยคำในครั้งแรกเกิดขึ้นหลังเกิดเหตุไม่นานนัก พยานไม่มีเวลาคิดปรุงแต่งข้อเท็จจริงหรือผู้มีส่วนได้เสียพูดจาโน้มน้าวชักชวน แม้น่าเชื่อว่าจะเป็นจริงมากกว่า แต่ถ้อยคำดังกล่าวก็ไม่ชี้ชัดว่านายสุทัศน์ นายวิศัลย์ หรือนายจักรัตน์ เป็นผู้แจกเงินให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม หากมีการแจกบัตรแนะนำตัวหรือเงินดังอ้าง พยานหลักฐานของผู้ร้องก็ไม่ได้แสดงโดยชัดแจ้งว่าผู้กระทำมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอย่างไรกับผู้คัดค้าน นายสุทัศน์ นายวิศัลย์ และนายจักรัตน์ ประกอบกับผู้ร้องไม่มีบัตรแนะนำตัวผู้คัดค้านและเงินเป็นพยานหลักฐานมาแสดงต่อศาล สำหรับข้อเท็จจริงที่ว่านายวิศัลย์ไปที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ขณะผู้คัดค้านชี้แจงข้อกล่าวหาคดีนี้ ก็เป็นเพียงการมีส่วนร่วมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ไม่มีข้อเท็จจริงใดแสดงว่านายวิศัลย์กระทำการช่วยเหลือผู้คัดค้านตามคำร้อง พยานหลักฐานของผู้ร้องตามทางไต่สวนไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้คัดค้านเกี่ยวข้องอย่างไรกับการกระทำตามคำร้อง มิอาจเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้านดังคำร้องของผู้ร้องได้
จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง.

Share