คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3201/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บัญชีระบุพยานของโจทก์ระบุเพียงต้นฉบับหรือสำเนาสัญญาซ่อมเรือพร้อมคำแปลเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่ปรากฏรายละเอียดเกี่ยวกับ “Work Done Report” แต่อย่างใด ถือไม่ได้ว่าเป็นการแสดงความจำนงที่จะอ้างอิงเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานโดยชอบ ส่วนที่โจทก์ไม่ส่งสำเนาให้แก่จำเลยทั้งสองก่อน ศาลตรวจดูเอกสารฉบับนี้แล้วพบว่ามีลายมือชื่อของผู้ที่มีข้อความระบุว่าเป็นตัวแทนเจ้าของเรือลงไว้ เหนือขึ้นไปยังมีลายมือชื่อของต้นกลเรือและนายเรือด้วย จึงเชื่อว่าจำเลยทั้งสองมีเอกสารดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของตนอยู่แล้ว โจทก์ไม่ต้องส่งสำเนาอีก และเอกสารชิ้นนี้เป็นพยานหลักฐานสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นว่าจำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเห็นสมควรรับฟังเอกสารชิ้นนี้ได้
แม้โจทก์เบิกความว่าจำเลยที่ 2 มีหน้าที่บริหารจัดการเรือเพื่อแสวงหากำไรจากจำเลยที่ 2 เอง และเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบธุรกิจของจำเลยที่ 2 ด้วย แต่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนทำสัญญาซ่อมเรือกับโจทก์แทนจำเลยที่ 1 ดังนี้จำเลยที่ 1 เท่านั้นที่ต้องรับผิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้โจทก์จำนวน 91,184.63 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 0.03 ต่อวันของต้นเงินจำนวน 90,050 ดอลลาร์สหรัฐ นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 90,050 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 0.03 ต่อวัน ของต้นเงินจำนวนดังกล่าว นับจากวันที่ 31 สิงหาคม 2554 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันที่ 11 ตุลาคม 2554 อันเป็นวันฟ้อง ต้องไม่เกินจำนวน 1,134.63 ดอลลาร์สหรัฐ ตามที่โจทก์ขอ ในกรณีที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 จะชำระเป็นเงินบาท ให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ที่ขายให้แก่ลูกค้าในวันที่ใช้เงินจริง ถ้าไม่มีอัตราแลกเปลี่ยนในวันที่ใช้เงินจริง ให้ถือเอาวันสุดท้ายที่มีอัตราเช่นว่านั้นก่อนวันดังกล่าว ในกรณีธนาคารแห่งประเทศไทยแจ้งให้ทราบถึงอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ (อัตราอ้างอิง) ก็ให้ถือว่าอัตราดังกล่าวเป็นเกณฑ์คำนวณ กับให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นอุทธรณ์รับฟังได้ยุติว่า โจทก์ประกอบกิจการอู่ซ่อมเรือเดินทะเล จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของเรือแม็กเจลลานิก จำเลยที่ 2 เป็นผู้บริหารจัดการเรือดังกล่าว เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2554 โจทก์ได้รับการติดต่อจากตัวแทนของจำเลยที่ 1 ว่าต้องการนำเรือเข้าซ่อมที่อู่ของโจทก์ โจทก์เสนอราคาค่าซ่อมแซมรวมจำนวน 127,764 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมเงื่อนไขการชำระเงิน ต่อมานายเรือแม็กเจลลานิกได้นำเรือเข้าซ่อมแซมและโจทก์ซ่อมเรือเสร็จเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2554
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองว่า จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดชำระเงินค่าซ่อมแซมเรือแม็กเจลลานิกให้แก่โจทก์หรือไม่ ศาลได้ตรวจดูบัญชีระบุพยานของโจทก์ดังกล่าวแล้ว พบว่าบัญชีระบุพยานของโจทก์ระบุเพียงต้นฉบับหรือสำเนาสัญญาซ่อมเรือลงวันที่ 14 มิถุนายน 2554 พร้อมคำแปลเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยไม่ปรากฏรายละเอียดเกี่ยวกับ “Work Done Report” แต่อย่างใด ถือไม่ได้ว่าเป็นการแสดงความจำนงที่จะอ้างอิง “Work Done Report” เป็นพยานหลักฐานโดยชอบ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคหนึ่ง ส่วนกรณีที่โจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวแก่จำเลยทั้งสองก่อนนั้น เมื่อได้ตรวจดูเอกสารฉบับนี้แล้วพบว่า มีลายมือชื่อของผู้ที่มีข้อความด้านล่างระบุว่าเป็นตัวแทนของเจ้าของเรือลงไว้ ทั้งเหนือขึ้นไปยังมีลายมือชื่อลงไว้ในช่องต้นกลเรือและช่องนายเรือด้วย โดยจำเลยทั้งสองมิได้นำสืบพยานหักล้าง จึงเชื่อว่า Work Done Report นี้จำเลยทั้งสองมีอยู่ในความครอบครองของตนอยู่แล้ว โจทก์จึงไม่ต้องส่งสำเนาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 วรรคสาม (2) ส่วนที่โจทก์ไม่ได้แสดงความจำนงจะอ้างอิงเอกสารฉบับนี้เป็นพยานโดยชอบนั้น เห็นว่า “Work Done Report” เป็นพยานหลักฐานสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีว่าจำเลยทั้งสองต้องรับผิดชำระค่าซ่อมเรือแม็กเจลลานิกแก่โจทก์หรือไม่ ดังนี้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเห็นสมควรรับฟังพยานชิ้นนี้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2) ที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่าลำพังเอกสารที่โจทก์อ้างส่งศาลเพื่อประกอบการพิจารณา ไม่ปรากฏรายละเอียดว่าโจทก์ได้ซ่อมเรือไปมีรายการและรายละเอียดอย่างไรบ้างรับฟังไม่ได้นั้นจึงฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อพิจารณาประกอบกับ “Work Done Report” เห็นได้ว่ามีรายการและรายละเอียดเกี่ยวกับการซ่อมเรือลำนี้ที่ตัวแทนของจำเลยทั้งสองได้ลงนามรับรองไว้ด้วยแล้ว เมื่อจำเลยทั้งสองมิได้นำพยานเข้าสืบหักล้าง ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามนั้น ประกอบกับโจทก์มีนายโรมิจิโอ พนักงานบริษัทโจทก์ในแผนกพาณิชย์และการตลาดมาเบิกความเป็นพยานยืนยันว่า โจทก์ยังไม่ได้รับชำระเงินส่วนที่เหลืออีกจำนวน 90,050 ดอลลาร์สหรัฐ จำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าของเรือแม็กเจลลานิกซึ่งเป็นตัวการคู่สัญญาซ่อมเรือกับโจทก์จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ต่อไปว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการเรือ จึงเป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ 1 ไม่ต้องร่วมรับผิดในหนี้รายนี้ด้วย แม้นายโรมิโอ พยานโจทก์จะเบิกความเกี่ยวกับสถานะของจำเลยที่ 2 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรือลำนี้ว่า จำเลยที่ 2 มีหน้าที่บริหารจัดการเรือลำนี้ในด้านต่าง ๆ เช่น การรับงานขนส่ง การจัดหาคนประจำเรือ การซ่อมแซมเรือ เพื่อแสวงหากำไรของจำเลยที่ 2 เอง และเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบธุรกิจของจำเลยที่ 2 ด้วยก็ตาม แต่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนทำสัญญาซ่อมเรือกับโจทก์แทนจำเลยที่ 1 ดังนี้ จำเลยที่ 1 เท่านั้นที่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นเพียงตัวแทนจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์ อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ 20,000 บาท ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ทั้งสองศาลให้เป็นพับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

Share