คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18982/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยนั่งรถยนต์ที่มี ร. เป็นผู้ขับเพื่อส่งเมทแอมเฟตามีนให้สายลับ เมื่อถึงจุดนัดหมาย ร. จอดรถสายลับเดินไปทางด้านซ้ายของรถที่จำเลยนั่งอยู่แล้วกระจกประตูรถด้านซ้ายลดลงสายลับคุยกับบุคคลภายในรถแล้วคนในรถส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับและสายลับส่งธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อให้แก่คนในรถ หากจำเลยมิได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องสายลับก็ต้องเดินไปหา ร. ซึ่งเป็นคนขับ ตามพฤติการณ์บ่งชี้ว่า จำเลยรู้เห็นในการจำหน่ายและได้ช่วยเหลือในการส่งมอบเมทแอมเฟตามีนจนทำให้การซื้อขายเป็นผลสำเร็จ อันถือได้ว่าจำเลยช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ ร. ในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2) (ที่ถูก มาตรา 15 วรรคหนึ่ง), 66 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ให้จำคุก 4 ปี และปรับ 280,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้กักขังแทนค่าปรับเกินกว่าหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่า ในวันเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจสืบทราบจากสายลับว่า นางราเมลกับพวกนำเมทแอมเฟตามีนจำนวนมากมาจากจังหวัดทางภาคเหนือเพื่อจำหน่ายแก่กลุ่มวัยรุ่น จึงวางแผนจับกุมโดยการล่อซื้อ โดยมอบหมายให้สายลับโทรศัพท์สั่งซื้อเมทแอมเฟตามีน จำนวน 20 เม็ด จากนางราเมลในราคา 5,000 บาท นางราเมลนัดหมายจะนำเมทแอมเฟตามีนไปส่งมอบให้สายลับที่สนามกีฬากลางจังหวัดพิษณุโลก เจ้าพนักงานตำรวจจึงนำกำลังไปซุ่มอยู่บริเวณดังกล่าว ถึงเวลานัดหมายสายลับขับรถจักรยานยนต์ไปจอดรอสักพักหนึ่ง นางราเมลขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน กข 5244 พะเยา แล่นเข้าไปจอดใกล้รถจักรยานยนต์ของสายลับโดยมีจำเลยนั่งอยู่ด้านหน้าคู่กับนางราเมล สายลับเดินเข้าไปที่รถยนต์เก๋งของนางราเมล ส่งมอบเงินและเมทแอมเฟตามีนที่ตกลงซื้อขายให้แก่กัน จากนั้นเจ้าพนักงานตำรวจที่ซุ่มรออยู่เข้าไปแสดงตนและจับกุมจำเลยและนางราเมลยึดธนบัตรจำนวน 5,000 บาท ที่ใช้ล่อซื้ออยู่ในกระเป๋าภายในรถด้านหน้า และยึดเมทแอมเฟตามีน จำนวน 20 เม็ด ที่ล่อซื้อได้จากสายลับ เจ้าพนักงานตำรวจควบคุมตัวจำเลยและนางราเมลไปตรวจค้นร้านเสริมสวยของจำเลย ยึดเมทแอมเฟตามีนอีก 2 เม็ด ห่อด้วยกระดาษตะกั่วเก็บอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนของนางราเมลภายในห้องนอนของร้านเสริมสวย สำหรับเมทแอมเฟตามีน จำนวน 20 เม็ด ของกลางที่ได้จากการล่อซื้อ คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.511 กรัม สำหรับความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน จำนวน 22 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายกฟ้อง ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา จึงยุติไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 6
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนางราเมลจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำนวน 20 เม็ด ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 6 หรือไม่ แม้โจทก์มิได้นำสายลับมาเบิกความเป็นพยาน และโจทก์ไม่มีพยานที่เบิกความยืนยันว่า จำเลยได้มีส่วนร่วมในการเจรจาตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกับสายลับ แต่ที่จำเลยกับนางราเมลเดินทางมาโดยรถยนต์เก๋งนำเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบให้สายลับด้วยกันตามที่สายลับได้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากนางราเมลและร้อยตำรวจเอกสมชายพยานโจทก์เบิกความยืนยันว่า เห็นสายลับเดินไปที่รถยนต์เก๋งทางด้านซ้ายที่จำเลยนั่งแล้วกระจกรถด้านซ้ายลดลง สายลับพูดคุยกับคนในรถและส่งมอบสิ่งของให้แก่กัน การจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง หากจำเลยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเมทแอมเฟตามีนนางราเมลย่อมไม่กล้ากระทำโดยเปิดเผยให้จำเลยได้รู้เห็น ประกอบกับในชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับว่านางราเมลได้ชวนจำเลยให้นั่งรถมาเป็นเพื่อนโดยบอกว่าจะเอาเมทแอมเฟตามีนไปส่งให้แก่ลูกค้า แสดงว่าจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่านางราเมลจะนำเมทแอมเฟตามีนมาส่งให้แก่สายลับ ที่จำเลยฎีกาว่า บันทึกคำให้การพนักงานสอบสวนไม่ได้อ่านข้อความให้จำเลยฟังและจำเลยไม่ได้อ่านข้อความ จำเลยไม่ได้ให้การด้วยความสมัครใจ ทั้งไม่มีทนายความเข้าร่วมฟังการสอบคำให้การ บันทึกคำให้การจึงรับฟังไม่ได้นั้น จำเลยมิได้นำสืบหักล้างบันทึกคำให้การ และโจทก์มีพันตำรวจโทสามารถ พนักงานสอบสวนเป็นพยานเบิกความรับรองว่า ในชั้นสอบสวนพยานได้แจ้งข้อหาให้จำเลยทราบ จำเลยให้การปฏิเสธ แต่จำเลยรับว่าเดินทางมาพร้อมนางราเมลและรู้อยู่แล้วว่านางราเมลจะนำเมทแอมเฟตามีนไปจำหน่ายให้สายลับ ทั้งตามบันทึกคำให้การมีรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวของจำเลย ซึ่งหากจำเลยมิได้เป็นผู้ให้การก็ยากที่พนักงานสอบสวนจะทำบันทึกคำให้การขึ้นเองได้ เชื่อว่าจำเลยให้การในชั้นสอบสวนด้วยความสมัครใจ มิได้เกิดจากการให้คำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง ทรมาน ใช้กำลังบังคับ หรือกระทำโดยมิชอบประการใด ๆ ส่วนที่จำเลยอ้างว่าไม่มีทนายความเข้าร่วมฟังการสอบคำให้การ เห็นว่า ตามบันทึกคำให้การปรากฏว่าพนักงานสอบสวนได้สอบถามจำเลยแล้วจำเลยตอบว่าไม่มีทนายความและไม่ประสงค์จะให้ทนายความร่วมรับฟังการสอบสวน ถือได้ว่าพนักงานสอบสวนได้สอบคำให้การจำเลยชอบด้วยกฏหมายแล้ว พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักอันควรแก่การรับฟัง ที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยเดินทางไปกับนางราเมลเนื่องจากนางราเมลชวนไปรับประทานอาหาร จำเลยไม่ทราบว่านางราเมลจะนำเมทแอมเฟตามีนไปส่งมอบให้แก่สายลับนั้น เห็นว่า จำเลยมีเพียงตัวจำเลยอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานเพียงปากเดียว โดยจำเลยไม่ได้อ้างนางราเมลเป็นพยาน ทั้งคำเบิกความของจำเลยยังขัดกับบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลย จึงมีน้ำหนักน้อยไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ การที่จำเลยนั่งรถยนต์มากับนางราเมลเพื่อนำเมทแอมเฟตามีน จำนวน 20 เม็ด มาส่งมอบให้แก่สายลับตามที่สายลับได้ล่อซื้อ และเมื่อนางราเมลจอดรถที่จุดนัดหมาย สายลับก็เดินไปทางด้านซ้ายของรถที่จำเลยนั่งแล้วกระจกประตูรถด้านซ้ายลดลง หลังจากนั้นสายลับพูดคุยกับบุคคลภายในรถแล้วคนในรถได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ ส่วนสายลับส่งธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อให้แก่คนในรถ ดังนี้ หากจำเลยมิได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องสายลับก็ย่อมต้องเดินไปหานางราเมลซึ่งเป็นคนขับรถมิใช่เดินมาทางด้านซ้ายของรถ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจึงบ่งชี้ว่า จำเลยรู้เห็นในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและได้ช่วยเหลือในการส่งเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับจนทำให้การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่างนางราเมลกับสายลับเป็นผลสำเร็จ อันถือได้ว่าจำเลยช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่นางราเมลในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ไม่ลดโทษให้แก่จำเลย ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย และปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน และปรับ 186,666.67 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6

Share