คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยโกรธแค้นผู้ตายที่ลักกระบือของจำเลยวันเกิดเหตุผู้ตายเห็นจำเลยเดินผ่านไป จำเลยจึงกลับบ้านเอาปืนลูกซองออกติดตามผู้ตายไปถึงที่เกิดเหตุ ได้พูดกันถึงเรื่องที่กระบือหาย แล้วเกิดโต้เถียงกันขึ้น จำเลยได้ปลดปืนจากไหล่เตรียมยิงอยู่ก่อนแล้วพอผู้ตายล้วงปืนออกมา จำเลยก็ยิงไปทันที พฤติการณ์ดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันตัว จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2508 เวลากลางวันจำเลยบังอาจใช้ปืนยิงนายโชติ สุรินทร์ โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกศีรษะนายโชติถึงแก่ความตายทันทีขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

จำเลยให้การว่า กระบือของจำเลยหายไป สืบทราบว่าผู้ตายเป็นคนลักจำเลยขอไถ่กระบือคืน ผู้ตายไม่ให้ จึงพูดท้าทายเกิดทะเลาะวิวาทกัน ผู้ตายชักปืนจะยิงจำเลย จำเลยจึงยิงผู้ตายไป 1 นัด เพื่อป้องกันชีวิต กระสุนปืนของจำเลยถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย

ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยยิงผู้ตายขณะผู้ตายหันด้านข้างให้และกำลังล้วงกระเป๋าไม่ใช่ยิงขณะผู้ตายเอาปืนชี้จ้องมาทางจำเลยพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 วางโทษจำคุก 15 ปี จำเลยเข้ามอบตัวและคำให้การชั้นสอบสวนชั้นศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา78 คงจำคุก 10 ปี ของกลางริบ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยกับผู้ตายเกิดท้าทายกัน ผู้ตายชักปืนจะยิงแต่จำเลยยิงไปเสียก่อน แล้ววินิจฉัยว่าการที่จำเลยยิงผู้ตายนั้นเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุหรือไม่ เห็นว่า จำเลยโกรธแค้นผู้ตายที่ลักกระบือของจำเลย วันเกิดเหตุจำเลยเห็นผู้ตายเดินผ่านไป จำเลยจึงกลับบ้านเอาปืนลูกซองออกติดตามผู้ตายไปถึงที่เกิดเหตุได้พูดกันถึงเรื่องกระบือที่หายแล้วเกิดโต้เถียงกันขึ้น จำเลยได้ปลดปืนจากไหล่เตรียมยิงอยู่ก่อนแล้ว พอผู้ตายล้วงปืนออกมา จำเลยก็ยิงไปทันที ที่จำเลยต่อสู้ว่าผู้ตายชักปืนออกมาก่อนจำเลยจึงลดปืนจากไหล่นั้น ไม่น่าเชื่อ ถ้าเป็นดังจำเลยว่า จำเลยต้องถูกยิงก่อนโดยไม่ต้องสงสัย เพราะปืนของผู้ตายเป็นปืนสั้นสามารถใช้ยิงได้คล่องแคล่วกว่าปืนยาวลูกซองของจำเลย พฤติการณ์ดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันตัว

พิพากษายืน

Share