แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้รอการลงโทษ เป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218
ผู้ตายเมาสุราแล้วเข้ากอดปล้ำภรรยาจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้ตายไปหลายที จนกระทั่งผู้ตายขาดใจตาย การที่ผู้ตายชกต่อยจำเลยโดยไม่มีอาวุธแต่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายจนถึงตาย เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69
เมื่อจำเลยได้ฆ่าผู้ตายแล้ว จำเลยได้เข้ามอบตัวแก่เจ้าพนักงานแต่จำเลยไม่ได้ให้ความสัจความรู้อันจะเป็นประโยชน์แก่ทางพิจารณาต่อศาลอย่างตรงไปตรงมา จำเลยยังเบี่ยงบ่ายต่อสู้คดีอ้างป้องกันอันเป็นเหตุที่จะไม่ต้องรับผิด จำเลยจึงไม่ควรได้รับการลดให้มากถึงกึ่งหนึ่ง อันเป็นการลดโทษจนเต็มที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 พิพากษาแก้ให้ลดโทษให้จำเลยเพียง 1 ใน 3
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดแทงนายวิรัชจนถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การรับว่าได้แทงผู้ตายจริง แต่อ้างว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยฆ่าผู้ตายด้วยเจตนา แต่กระทำไปเพราะบันดาลโทสะ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 72 จำคุก 8 ปี ลดให้ 1 ใน 4 ตามมาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี ริบมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นเรื่องน่าเห็นใจจำเลยอย่างมาก พิพากษาแก้ให้จำคุก 4 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี รอการลงโทษ 5 ปีตามมาตรา 56
โจทก์ฎีกาว่าไม่เป็นบันดาลโทสะและขอให้ลงโทษโดยไม่รอ หากจะลดโทษให้ ก็ไม่ควรให้ถึงกึ่งหนึ่ง
จำเลยแก้ฎีกาว่า ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้รอการลงโทษ จึงเป็นการแก้ไขมาก โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้สำหรับฎีกาของโจทก์นั้นศาลฎีกาได้พิเคราะห์คำพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยโดยตลอดแล้ว เชื่อข้อเท็จจริงว่าผู้ตายเมาสุราแล้วเข้ากอดปล้ำภรรยาจำเลยก่อน เมื่อจำเลยเข้าไปกระชากตัวผู้ตายออกมา ผู้ตายยังได้ชกต่อยจำเลยอีก จำเลยจึงได้ใช้มีดแทงผู้ตายไปหลายทีจนกระทั่งผู้ตายล้มลงขาดใจตาย ที่จำเลยต่อสู้ว่าผู้ตายทำท่าล้วงกระเป๋า เข้าใจว่าผู้ตายจะชักปืนยิง จึงใช้มีดแทงผู้ตายนั้นเห็นว่าไม่น่าเชื่อที่ศพผู้ตายก็ไม่มีปืน เรื่องอะไรผู้ตายจะเอามือล้วงกระเป๋าขณะกำลังต่อสู้กัน การที่ผู้ตายชกต่อยจำเลยโดยไม่มีอาวุธ แต่จำเลยได้ใช้มีดแทงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 ในเรื่องการลดโทษนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยกระทำผิดแล้ว ได้รู้สึกผิดชอบเข้ามอบตัวแก่เจ้าพนักงานเพื่อต่อสู้คดีชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทราบ แต่จำเลยก็มิได้ให้ความสัจความรู้อันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาต่อศาลอย่างตรงไปตรงมาจำเลยยังเบี่ยงบ่ายต่อสู้คดี อ้างเหตุที่จะไม่ต้องรับผิดโดยอ้างว่าได้กระทำไปเพื่อป้องกันเกียรติยศและป้องกันตัว ซึ่งไม่ควรมีความผิด ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีเช่นนี้จำเลยไม่ควรได้รับการลดโทษให้มากถึงกึ่งหนึ่ง อันเป็นการลดโทษจนเต็มที่ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 69 ให้จำคุก 4 ปี คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง จึงลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน โทษของจำเลยไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะรอการลงโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์