คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้คนตายโดยประมาทข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 จะบัญญัติให้ถือว่าเป็นการแตกต่างในรายละเอียดก็ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ต้องห้ามตาม มาตรา 192 วรรคแรก คงลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑, ๙๑ ฯลฯ และสั่งริบหัวกระสุนปืนของกลาง คืนปืนและกระสุนปืน ๕ นัดแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗๒ วรรคสาม จำคุก ๑ ปี ผิดตามมาตรา ๗๒ ทวิ จำคุก ๑ ปี และผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ จำคุก ๑๐ ปี รวมเป็นจำคุก ๑๒ ปี ลดโทษ ๑ ใน ๓ ตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๘ ปี ริบหัวกระสุนปืน อาวุธปืนและกระสุนปืน ๕ นัด คืนเจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ จำคุก ๕ ปี และให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด และสิ่งเทียมอาวุธปืน มาตรา ๗๒ ทวิ จำคุก ๖ เดือน รวมเป็นจำคุก ๖ ปี ๖ เดือน ลดโทษกึ่งหนึ่งตาม มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๓ ปี ๓ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยและผู้ตายต่างเมาสุราและโต้เถียงกันก่อน แล้วจำเลยเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า จากข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาแต่เนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานทำให้คนตายโดยประมาท แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ จะบัญญัติให้ถือว่าเป็นการแตกต่างในรายละเอียดก็จะลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคแรกดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ มีกำหนด ๕ ปี จึงนับว่าเป็นคุณแก่จำเลยอยู่แล้ว
พิพากษายืน.

Share