คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2624/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

บุคคลภายนอกซึ่งอ้างว่าจะต้องเสียหายเพราะหมายห้ามชั่วคราวในคดีเดิมหากประสงค์จะขอให้ศาลถอนหมายห้ามชั่วคราวก็ชอบที่จะยื่นคำขอในคดีเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 261 วรรคหนึ่ง ไม่อาจฟ้องขอให้หมายห้ามชั่วคราวดังกล่าวไม่มีผลบังคับเป็นคดีใหม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดเป็นผู้เช่าแผงขายของในตลาดปัฐวิกรณ์จากนายภูเทพ สิทธิถาวร ซึ่งเป็นเจ้าของตลาด กำหนดเช่าเป็นรายปี สำหรับปีนี้นับแต่วันที่ 1 มกราคม 2541 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2541 โจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดได้ชำระค่าเช่าให้แก่นายภูเทพผู้ให้เช่าล่วงหน้าไปครบถ้วนแล้วตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมปีนี้ โจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดจึงมีสิทธิครอบครองใช้ประโยชน์ขายของในแผงที่เช่าในตลาดปัฐวิกรณ์จนครบอายุสัญญา ครั้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2541 ถึงวันฟ้อง จำเลยทั้งแปดกับพวกได้ให้คนของจำเลยทั้งแปดเข้าข่มขู่บังคับโจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดให้ไปทำสัญญาเช่าใหม่กับจำเลยที่ 1 และให้ชำระเงินค่าเช่าแก่จำเลยที่ 2 ครั้นเมื่อโจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดไม่ยอมทำตาม เพราะได้เช่าและเสียค่าเช่าให้แก่นายภูเทพล่วงหน้าไปแล้วจำเลยทั้งแปดและคนของจำเลยทั้งแปดก็ทำการข่มขู่ คุกคาม ห้ามปรามโจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดไม่ให้ทำการขายของในแผงที่เช่าต่อไป และข่มขู่ว่าจะให้ศาลออกหมายจับโจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดไปขังฐานขัดคำสั่งศาล ซึ่งจำเลยทั้งแปดอ้างว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งลงวันที่ 27 เมษายน 2541 ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6566/2540 ระหว่างบริษัทโชคชัยทรัพย์ทวี จำกัด โจทก์ บริษัทปัฐวิกรณ์ จำกัด ที่ 1 นายภูเทพ สิทธิถาวร ที่ 2 จำเลย โดยมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้บริษัทโชคชัยทรัพย์ทวี จำกัด จำเลยที่ 1 ในคดีนี้ เป็นผู้เก็บค่าเช่าแผงในตลาดปฐวิกรณ์ คำสั่งศาลดังกล่าวทำให้โจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยทั้งแปดโดยอาศัยคำสั่งศาลดังกล่าวทำให้โจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดได้รับความเสียหายเพราะโจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดได้เช่าแผงตลาดปัฐวิกรณ์ขายของจากนายภูเทพ ผู้เป็นเจ้าของตลาด ส่วนจำเลยที่ 1 หาใช่เป็นเจ้าของตลาดไม่ เป็นเพียงผู้มีชื่อในโฉนดด้วยเจตนาลวง ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง จึงไม่มีสิทธิเกี่ยวข้อกับตลาดปัฐวิกรณ์ ไม่มีอำนาจเก็บเงินจากโจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ด ทั้งไม่มีอำนาจข่มขู่คุกคามโจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดไม่ให้ขายของที่แผงในตลาดปัฐวิกรณ์ การกระทำของจำเลยทั้งแปดจึงเป็นการละเมิดสิทธิโจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดอีกประการหนึ่ง การเช่าแผงขายของในตลาดปัฐวิกรณ์กับนายภูเทพเป็นสัญญาต่างตอบแทนกัน นอกจากโจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดจะได้ชำระค่าเช่าล่วงหน้าเป็นรายปีแล้วนายภูเทพ ผู้ให้เช่ามีหน้าที่จะต้องบริการแก่โจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดด้วยการติดต่อหาแหล่งสินค้าราคาถูกมาให้จำหน่าย ทั้งจะต้องจัดการบริการต่าง ๆ เช่น การรักษาความสะอาด ความปลอดภัยและการขนส่ง เป็นต้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามนายภูเทพและบริษัทปัฐวิกรณ์ จำกัด ตัวแทนของนายภูเทพเข้าเกี่ยวข้องในตลาดปัฐวิกรณ์ย่อมทำให้โจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดได้รับความเสียหายไม่มีสินค้าราคาถูกจำหน่าย ทั้งไม่มีการบริการต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว ทำให้โจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดขาดประโยชน์ที่ควรมีควรได้ประกอบทั้งถูกคุกคาม ห้ามปรามไม่ให้ทำการค้าขายโดยปกติสุขทุกวันจากการกระทำของพวกจำเลยทั้งแปด ทำให้โจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดเสียหาย ขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลชั้นต้น ลงวันที่ 27 เมษายน 2541 ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6566/2540 ระหว่าง บริษัทโชคชัยทรัพย์ทวี จำกัด โจทก์ บริษัทปัฐวิกรณ์ จำกัด ที่ 1 กับพวก จำเลย ไม่มีผลบังคับต่อโจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดกับห้ามจำเลยทั้งแปดมิให้เข้าเกี่ยวข้องในตลาดปัฐวิกรณ์ต่อไป และห้ามข่มขู่ คุกคาม หรือขัดขวางห้ามปรามโจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดเพื่อไม่ให้ค้าขายในตลาดปัฐวิกรณ์ตามปกติ และให้บังคับจำเลยทั้งแปดร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดแต่ละคนในอัตราคนละ 10,000 บาท ต่อวัน นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยทั้งแปดจะหยุดกระทำการดังกล่าว

ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า โจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดชอบที่จะใช้สิทธิยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งฯ ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6566/2540 จึงไม่รับคำฟ้อง

โจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดอุทธรณ์

ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดขอถอนอุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ 7 และโจทก์ที่ 22 ขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อนุญาต

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดไม่ปรากฏว่ามีข้อความตอนใดที่กล่าวว่า จำเลยทั้งแปดกระทำนอกขอบเขตของคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลชั้นต้นแต่ประการใด การกระทำของจำเลยทั้งแปดจึงเป็นไปตามกฎหมายไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ด นอกจากนี้หากโจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดได้รับผลกระทบจากคำสั่งของศาลชั้นต้น โจทก์ทั้งห้าสิบเจ็ดก็ชอบที่จะยื่นคำร้องในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6566/2540 ได้ พิพากษายืน

โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 21 และที่ 23 ถึงที่ 57 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 21 และที่ 23 ถึงที่ 57 ว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องของโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 21 และที่ 23 ถึงที่ 57 ชอบหรือไม่ โดยโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 21 และที่ 23 ถึงที่ 57 ฎีกาว่า เมื่อโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 21 และที่ 23 ถึงที่ 57 ได้รับความเสียหายย่อมฟ้องคดีต่อศาลได้ ไม่ว่าจะใช้สิทธิร้องขอเข้าไปในคดีเดิมหรือฟ้องเป็นคดีใหม่นั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 261 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “จำเลยหรือบุคคลภายนอกซึ่งได้รับหมายยึด หมายอายัด หรือคำสั่ง ตามมาตรา 254(1)(2) หรือ (3) หรือจะต้องเสียหายเพราะหมายยึด หมายอายัด หรือคำสั่งดังกล่าว อาจมีคำขอต่อศาลให้ถอนหมายเพิกถอนคำสั่ง หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลง คำสั่ง หมายยึด หรือหมายอายัดซึ่งออกตามคำสั่งดังกล่าวได้” การที่ศาลชั้นต้นมีหมายห้ามชั่วคราวถึงนายภูเทพ สิทธิถาวร จำเลยที่ 2 ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6566/2540 ของศาลชั้นต้น โจทก์ที่ 1 ถึง 21 และที่ 23 ถึงที่ 57 เป็นบุคคลภายนอกซึ่งอ้างว่าจะต้องเสียหายเพราะหมายห้ามชั่วคราวในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6566/2540 ของศาลชั้นต้นดังกล่าว หากประสงค์จะขอให้ศาลถอนหมายห้ามชั่วคราวดังกล่าว โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 21 และที่ 23 ถึงที่ 57 ก็ชอบที่จะยื่นคำขอในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6566/2540 ซึ่งเป็นคดีเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 261 วรรคหนึ่ง โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 21 และที่ 23 ถึงที่ 57 ไม่อาจฟ้องขอให้หมายห้ามชั่วคราวดังกล่าวไม่มีผลบังคับเป็นคดีใหม่ได้ แม้คำสั่งดังกล่าวจะมีผลให้นายภูเทพไม่อาจจัดหาสินค้าราคาถูกมาให้โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 21 และที่ 23 ถึงที่ 57 จำหน่ายแก่ประชาชนดังที่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 21 และที่ 23 ถึงที่ 57 กล่าวอ้าง ก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 21 และที่ 23 ถึงที่ 57 กับนายภูเทพที่จะต้องว่ากล่าวกันตามบุคคลสิทธิที่มีอยู่ต่อกัน ไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 และที่ 8 ในคดีนี้จึงไม่อาจถือว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 และที่ 8 กระทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 21 และที่ 23 ถึงที่ 57 ส่วนที่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 21 และที่ 23 ถึงที่ 57 ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 21 และที่ 23 ถึงที่ 57 ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 21 และที่ 23 ถึงที่ 57 และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 21 และที่ 23 ถึงที่ 57 ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share