คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5809/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าออกจากที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยเช่าที่ดินโจทก์ แม้จะให้การมาด้วยว่าจำเลยปลูกบ้านอยู่บนที่ดินสาธารณประโยชน์ แต่คำให้การดังกล่าวเป็นการปฏิเสธนิติสัมพันธ์และนิติเหตุตามฟ้องซึ่งเป็นเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์อยู่ในประเด็นแห่งคดีตามฟ้องโจทก์ที่ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปพร้อมทั้งรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินพิพาทกับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ขาดประโยชน์จากการนำที่ดินไปให้ผู้อื่นเช่าเดือนละ 1,000 บาท ข้อต่อสู้ดังกล่าวไม่ทำให้คดีมีประเด็นใหม่นอกเหนือจากประเด็นแห่งคดีตามฟ้อง จึงเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลใดๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาท ซึ่งห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 1290, 9304 และ 9305 จำเลยทั้งสองเช่าที่ดินดังกล่าวเพื่อใช้ปลูกบ้าน เลขที่ 2 หมู่ที่ 15 แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร เป็นที่อยู่อาศัย ตั้งแต่เมื่อที่ดินยังเป็นของมารดาโจทก์ เมื่อที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยทั้งสองอาศัยอยู่ในที่ดินอีกต่อไป จึงบอกเลิกการเช่าแล้ว แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองออกจากที่ดินโจทก์ โดยรื้อถอนบ้านเลขที่ 2 หมู่ที่ 15 แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร พร้อมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 1290, 9304 และ 9305 ตำบลตลิ่งชัน อำเภอตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ของโจทก์และให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะรื้อถอนบ้านขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองปลูกสร้างบ้านตามฟ้องบนที่ดินสาธารณประโยชน์ จำเลยทั้งสองไม่เคยเช่าที่ดินโจทก์ก่อนฟ้องคดีโจทก์ไม่เคยบอกกล่าวจำเลยทั้งสอง นางละเอียด วัฒนารมย์ มารดาโจทก์เคยฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองมาครั้งหนึ่งแล้วโจทก์นำคดีมาฟ้องอีกจึงเป็นฟ้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณานางบุญส่ง บุญประกอบ จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย นางศรีอรุณ ชวนเกษม ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวารออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 1290, 9304 และ 9305 ตำบลตลิ่งชัน อำเภอตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนบ้านเลขที่ 2 หมู่ที่ 15 แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร พร้อมขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินดังกล่าวและให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายในอัตราเดือนละ 700 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินโจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์จำเลยทั้งสอง ให้คืนค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้แก่จำเลยทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์จำเลยทั้งสองโดยวินิจฉัยว่า อุทธรณ์จำเลยทั้งสองเป็นการอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงในคดีฟ้องขับไล่บุคคลใดๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาท ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสอง จำเลยทั้งสองฎีกาว่า คดีนี้มิได้พิพาทกันเรื่องเช่า แต่พิพาทกันเรื่องที่ดินที่ปลูกสร้างบ้านว่าเป็นที่ดินมีโฉนดหรือเป็นที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่อาจถือได้ว่าเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาท อันจะต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง จึงมีปัญหาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลใดๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาทหรือไม่ เห็นว่า จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ว่า จำเลยไม่เคยเช่าที่ดินโจทก์ แม้จำเลยทั้งสองให้การด้วยว่า จำเลยทั้งสองปลูกบ้านตามฟ้องอยู่บนที่ดินสาธารณประโยชน์แต่คำให้การจำเลยดังกล่าวเป็นการปฏิเสธนิติสัมพันธ์และนิติเหตุตามฟ้องซึ่งเป็นเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์อยู่ในประเด็นแห่งคดีตามฟ้องโจทก์ที่ขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวารออกไปพร้อมทั้งรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินพิพาท กับให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ขาดประโยชน์จากการนำที่ดินไปให้ผู้อื่นเช่าเดือนละ 1,000 บาท ข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสองดังกล่าวไม่ทำให้คดีมีประเด็นใหม่นอกเหนือจากประเด็นแห่งคดีตามฟ้อง ดังนั้นคดีนี้จึงเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลใดๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาท ซึ่งห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์จำเลยทั้งสองชอบแล้วฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืนให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าทนายความ 1,000 บาท แทนโจทก์

Share