คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2181/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การสลักหลังเช็คซึ่งสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือนั้น ฐานะของผู้สลักหลังย่อมเป็นเพียงผู้ค้ำประกันการใช้เงินตามเช็คนั้น (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921 และตามมาตรา 940 ผู้สลักหลังย่อมอยู่ในฐานะที่จะต้องผูกพันในเช็คที่พิพาทเป็นอย่างเดียวกันกับผู้สั่งจ่ายเช็คนั้น และย่อมต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็ค ตามมาตรา 967
ผู้ที่เซ็นชื่อสลักหลังเช็ค มีฐานะเป็นผู้รับประกันการใช้เงิน (อาวัล) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 921 มีความรับผิดเช่นเดียวกับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 940 หาใช่มีฐานะเป็นผู้สลักหลังไม่ กรณีจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 990

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อต้นเดือนตุลาคม ๒๕๑๓ จำเลยได้นำเช็คของนางสมสนิทให้ผู้มีชื่อมาขอเปลี่ยนเงินสดไปจากโจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท โดยจำเลยได้สลักหลังเป็นผู้รับรองค้ำประกันการชำระหนี้ตามเช็คให้ไว้แก่โจทก์ กำหนดชำระเงินตามเช็ควันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๑๓ เมื่อครบกำหนดแล้วโจทก์ทวงเตือนจำเลย ๆบ่ายเบี่ยงให้ไปเอาจากผู้ออกเช็คก่อน ขอให้บังคับให้ชำระเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่รับรองว่าเช็คตามฟ้องเป็นเช็คของนางสมสนิทความจริงนางสมสนิทนายวงแชร์ได้กู้เงินจากนางห้อง ๑๐,๐๐๐ บาท ผู้ให้กู้หักดอกเบี้ยไว้ ๘๐๐ บาท นางสมสนิทได้มอบเช็คสั่งจ่ายเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทให้นางห้องไว้เป็นประกัน โดยผู้ให้กู้รู้ดีว่าผู้กู้ไม่มีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารพอจะจ่ายได้ จำเลยไม่เคยนำเช็คของนางสมสนิทไปแลกเงินสดจากโจทก์หรือให้ผู้ใดไปขอเปลี่ยนเงินสดจากโจทก์ โจทก์รับโอนเช็คมาโดยการสมคบกันฉ้อฉลกับนางห้องผู้ซึ่งนางสมสนิทกู้เงินไป เช็คที่พิพาทของนางสมสนิทออกเพื่อประกันเงินกู้จากนางห้องเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๑๓ ผู้ทรงละเลยไม่นำเช็คไปยื่นธนาคารภายใน ๑ เดือนเพื่อขอรับเงิน ผู้ทรงสิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ยผู้สลักหลังแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยและฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาของจำเลยว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดชดใช้เงินให้แก่โจทก์ เพราะจำเลยเป็นผู้ที่ได้สลักหลังเช็ครายที่พิพาทอันการสลักหลังเช็คซึ่งสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือนั้น ฐานะของผู้สลักหลังย่อมเป็นเพียงผู้ค้ำประกันการใช้เงินตามเช็คนั้น (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่าย ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๒๑ และตามมาตรา ๙๔๐ จำเลยย่อมอยู่ในฐานะที่จะต้องผูกพันในเช็คที่พิพาทเป็นอย่างเดียวกันกับผู้สั่งจ่ายเช็คนั้น อนึ่งโดยบทบัญญัติแห่งมาตรา ๙๖๗ จำเลยในฐานะเป็นผู้รับประกันเช็คที่พิพาทด้วยอาวัลย่อมต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็ค โจทก์เป็นผู้ถือเช็คที่พิพาทจึงเป็นผู้ทรงเช็คนั้นตามมาตรา ๙๐๔ ฉะนั้น เท่าที่โจทก์ได้บรรยายมาในฟ้องจึงถือได้ว่าโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้วฟ้องของโจทก์หาเคลือบคลุมไม่ ส่วนที่ว่าฟ้องโจทก์ไม่ได้กล่าวว่าเช็คที่พิพาทเป็นเช็คของธนาคารใดก็ดี ไม่ได้กล่าวว่าผู้สั่งจ่ายเช็คถึงแก่กรรมแล้วก็ดี หรือไม่ได้กล่าวว่าธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินเพราะเหตุใดก็ดีนั้น เห็นว่า ข้อที่จำเลยยกขึ้นโต้แย้งเหล่านี้ล้วนมีปรากฏอยู่ตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องแล้ว ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องด้วยและฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นผู้สลักหลังเช็ค
ที่จำเลยอ้างว่าโจทก์คบคิดกับนางห้องฉ้อฉลจำเลยนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยมิได้ระบุไว้ในคำให้การว่าวิธีการฉ้อฉลนั้นเป็นอย่างไรข้อเท็จจริงก็รับฟังไม่ได้ว่าโจทก์กับนางห้องได้คบคิดกันฉ้อฉลจำเลย
จำเลยโต้แย้งว่า โจทก์ไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๙๙๖ (เข้าใจว่า ๙๙๐)แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่นำเช็คไปยื่นต่อธนาคารเสียภายในกำหนด ๑ เดือน สิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาแก่ผู้สลักหลังแล้วนั้นศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยมีฐานะเป็นผู้รับประกันการใช้เงิน (อาวัล)ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๒๑ มีความรับผิดเช่นเดียวกับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๔๐หาใช่มีฐานะเป็นผู้สลักหลังไม่ กรณีจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๙๐
พิพากษายืน

Share