แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยถูกฟ้องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และได้แต่งตั้งพนักงานอัยการให้เป็นทนายความแก้ต่างตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 61 เมื่อจำเลยชนะคดี ศาลมีอำนาจที่จะให้โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงรวมทั้งค่าทนายความตามตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้แก่จำเลยได้ตามมาตรา 161 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นข้าราชการประจำกรมศุลกากรจำเลยที่ ๒ มีตำแหน่งเป็นนายด่านศุลกากร เจ้าพนักงานตำรวจได้ยึดสินค้าของโจทก์พร้อมด้วยพาหนะเรือ โดยหาว่านำสินค้าเข้าบริเวณพิเศษในเขตควบคุมศุลกากรอำเภออรัญประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานตำรวจได้ฝากสินค้าของกลางให้อยู่ในความรักษาของจำเลยที่ ๑ โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อจำเลยที่ ๑ ว่าเป็นเจ้าของสินค้านั้น และขอสินค้าคืน จำเลยที่ ๑ ไม่ยอมคืนให้ การที่จำเลยที่ ๑ ยึดสินค้าของโจทก์ไว้เป็นการจงใจทำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนสินค้าตามบัญชีท้ายฟ้องให้โจทก์ หากคืนไม่ได้ก็ให้ใช้ราคาทรัพย์แก่โจทก์
จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของสินค้าตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของสินค้าตามฟ้องพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลล่างว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของสินค้าของกลางตามฟ้อง อัยการเป็นข้าราชการประจำรับเงินเดือนจากกรมอัยการมิใช่เข้ามาแก้คดีโดยการว่าจ้างของจำเลยทั้งสองนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยคดีนี้ถูกฟ้องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และได้แต่งตั้งพนักงานอัยการให้เป็นทนายความแก้ต่างตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๖๑ เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดี ศาลมีอำนาจที่จะให้โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง รวมทั้งค่าทนายความตามตาราง ๖ ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งให้แก่จำเลยได้ตามมาตรา ๑๖๑ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
พิพากษายืน