แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายไว้ชัดว่า จำเลยเข้าไปครอบครองที่ดินบางส่วนของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ( น.ส. 3 ) เลขที่ 313 จำนวน 20 ไร่ ของโจทก์กับพวกโดยไม่มีสิทธิ ต่อมาเมื่อโจทก์ทราบว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทอยู่ในความครอบครองของจำเลย โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ และตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ในข้อ 1 นอกจากจะขอให้จำเลยมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 313 ให้โจทก์แล้วยังขอให้จำเลยส่งคืนทรัพย์สินแก่โจทก์ด้วย การที่จำเลยยกข้อต่อสู้ในเรื่องการได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทว่ามีที่มาที่ไปเป็นอย่างใด และศาลชั้นต้นได้สืบพยานโจทก์จำเลยตามประเด็นดังกล่าว จึงเป็นการสืบพยานตามข้อต่อสู้ของรูปคดี หาใช่เป็นการสืบพยานหรือรับฟังพยานนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เลขที่ 313 หมู่ที่ 3 (5) ตำบลขอนหาด (ท่าเสม็ด) อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช คืนแก่โจทก์และให้จำเลยส่งคืนทรัพย์สินแก่โจทก์โดยสภาพเรียบร้อยกับให้จำเลยใช้เงิน 300,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งให้โจทก์หยุดการกระทำการใดที่เป็นการคัดค้านการขอแบ่งการได้มาโดยการครอบครองตามมาตรา 1367 เฉพาะส่วนที่ดินที่โจทก์เป็นผู้ถือสิทธิครอบครอง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์หยุดกระทำการใดที่เป็นการคัดค้านการขอแบ่งที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เลขที่ 313 หมู่ที่ 3 (5) ตำบลขอนหาด (ท่าเสม็ด) อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช เฉพาะส่วนเนื้อที่ 20 ไร่ ของจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งในส่วนของคำฟ้องและฟ้องแย้งในศาลชั้นต้นและค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งรับฟังได้ว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เลขที่ 313 หมู่ที่ 3 (5) ตำบลขอนหาด (ท่าเสม็ด) อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื้อที่ประมาณ 170 ไร่ มีชื่อโจทก์กับพี่น้องรวม 5 คน เป็นผู้ถือสิทธิครอบครอง จำเลยได้เข้าไปครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองประโยชน์ดังกล่าวเนื้อที่ 20 ไร่ ต่อจากนายผ่อง สามีจำเลย และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เลขที่ 313 อยู่ในความครอบครองของจำเลย
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เลขที่ 313 ซึ่งจำเลยยึดถือไว้โดยไม่มีสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายคืนให้โจทก์ เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายไว้ชัดว่า จำเลยเข้าไปครอบครองที่ดินบางส่วนของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เลขที่ 313 จำนวน 20 ไร่ ของโจทก์กับพวกโดยไม่มีสิทธิ ต่อมาเมื่อโจทก์ทราบว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทอยู่ในความครอบครองของจำเลย โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ และตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ในข้อ 1 นอกจากจะขอให้จำเลยมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 313 ให้โจทก์แล้วยังขอให้จำเลยส่งคืนทรัพย์สินแก่โจทก์ด้วย ดังนั้น การที่จำเลยยกข้อต่อสู้ในเรื่องการได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทว่า มีที่มาที่ไปเป็นอย่างใด และศาลชั้นต้นได้สืบพยานโจทก์จำเลยตามประเด็นดังกล่าว จึงเป็นการสืบพยานตามข้อโต้แย้งของรูปคดี หาใช่เป็นการสืบพยานหรือรับฟังพยานนอกฟ้องนอกประเด็นตามที่โจทก์อ้างไม่ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น เมื่อโจทก์มิได้ฎีกาโต้แย้งในประเด็นอื่นที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมา จึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาต้องวินิจฉัย ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ